นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.)  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจึงมีนโยบายในการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบแยกกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation สำหรับกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่อาการไม่รุนแรง ซึ่งการเข้าสู่ระบบ Home Isolation สิ่งที่ตามมาคือ ทำให้มีมูลฝอยและมูลฝอยติดเชื้อจากครัวเรือนมากขึ้น ทั้งที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลายหรือสารคัดหลั่ง เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิซชู และภาชนะใส่อาหารพร้อมบริโภคแบบใช้ครั้งเดียว ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมอนามัยชี้ว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาพบว่า มีปริมาณมูลฝอยติดเชื้อมากกว่า 294 ตันต่อวัน

“ปัญหาที่เกี่ยวกับมูลฝอยติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่ตามมา ดังนั้นการสร้างรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องที่เกี่ยวกับมาตรการการจัดการมูลฝอยติดเชื้อแก่ประชาชน จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการกำจัดมูลฝอย และมูลฝอยติดเชื้อตั้งแต่ต้นทางไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย หอพัก อพาร์ตเมนท์ คอนโดมิเนียม ที่ดำเนินการในระบบ Home Isolation เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและถูกวิธี”

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ ถ้าปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย สารคัดหลั่ง เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ชุดตรวจ Antigen Test Kit ให้รวบรวมใส่ถุงขยะสีแดง มัดปากถุงให้แน่น ราดหรือพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ รวบรวมไว้ภายในบริเวณที่พักอาศัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ออกสู่สิ่งแวดล้อม ส่วนที่เป็นมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติก และอื่นๆ เช่น ภาชนะบรรจุอาหาร ช้อนส้อมพลาสติก ขวดน้ำดื่ม ฯลฯ ที่ได้รับช่วงกักตัวหรือรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ให้รวบรวมใส่ถุงขยะราดน้ำยาฆ่าเชื้อลงในถุง มัดปากถุงให้แน่น แล้วฉีดพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณปากถุง มัดปากถุงให้แน่น และฉีดพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณปากถุงอีกครั้ง จากนั้นนำไปทิ้งในจุดรวบรวมขยะติดเชื้อโดยเฉพาะ เพื่อรอการเก็บจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำไปกำจัดตามมาตรการที่กำหนดต่อไป