สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นดับเบิลยูเอส) ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศเลวร้ายในรัฐแคลิฟอร์เนีย ว่า ภูมิภาคทางเหนือจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไปจนถึงพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐออริกอนเช่นกัน


ปัจจุบัน พื้นที่สองในสามของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในสหรัฐ ต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และกระแสลมกระโชกแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้า ให้แก่ครัวเรือนและสถานประกอบกิจการ รวมมากกว่า 60,000 แห่ง


ทั้งนี้ รายงานของเอ็นดับเบิลยูเอสวัดประมาณน้ำฝนที่เมืองซานฟรานซิสโก สะสมระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. ถึง 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้ 10.3 นิ้ว ถือเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 152 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2414 ส่วนสถิติปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดต่อเนื่องภายในช่วงเวลา 10 วันของเมืองซานฟรานซิสโก อยู่ที่ 14.37 นิ้ว เมื่อปี 2405


ขณะเดียวกัน เอ็นดับเบิลยูเอสพยากรณ์หิมะตกหนักในภูมิภาคหุบเขาของรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมทั้งเตือนภัยการเกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภูมิภาคที่เคยประสบกับความเดือดร้อนจากไฟป่า และเคยได้รับอิทธิพลรุนแรงของพายุมรสุม ซึ่งรวมถึงเขตทางเหนือ ที่มีการเตือนภัยคลื่นพายุซัดฝั่งสูงหลายเมตรด้วย


ทั้งนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเผชิญกับอิทธิพลของ “บอมบ์ ไซโคลน” ระลอกใหม่ ซึ่งหมายถึงสภาพอากาศเลวร้ายที่เป็นผลจากความกดอากาศต่ำเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และแผ่ขยายอิทธิพลออกเป็นวงกว้าง ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา โดยนายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้ ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 6 ราย.

เครดิตภาพ : REUTERS