เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี (ศปถ.) เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 3 ม.ค.66 ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 239 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 259 คน ผู้เสียชีวิต 15 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.49 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 24.27 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 15.48 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.73 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.61 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 48.12 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 24.27

ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ช่วงเวลา 18.01-19.00 น. ร้อยละ 9.21 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 16.79 มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,880 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 55,787 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 365,238 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 54,629 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 15,873 ราย ไม่มีใบขับขี่ 15,494 ราย ขับรถเร็วเกินกำหนด 7,384 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 12 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 12 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา และภูเก็ต จังหวัดละ 2 ราย

“สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค.65-3 ม.ค.66) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,201 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,197 คน ผู้เสียชีวิตรวม 282 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช 76 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 81 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 13 ราย กรุงเทพมหานครและปทุมธานี จังหวัดละ 11 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ตายเป็นศูนย์ มี 6 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส บึงกาฬ พังงา ยะลา สตูล และสุโขทัย” นายโชตินรินทร์ กล่าว

นายโชตินรินทร์ กล่าวอีกว่า สถิติในช่วง 6 วันที่ผ่านมา พบว่า การขับเร็ว เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน มีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูง ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้กำชับจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เข้มงวดผู้ขับขี่ที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพื่อควบคุมการใช้ความเร็วที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง อย่างไรก็ตาม คาดว่าเส้นทางสายหลักบางเส้นทางจะยังคงมีปริมาณการจราจรหนาแน่นในบางจุด จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง.