สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ว่า กองทัพยูเครนรายงานการยิงสกัดอากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธ หรือโดรนของรัสเซีย 16 ลำ ซึ่งเตรียมโจมตีพื้นที่หลายจุด ทางตอนใต้ของกรุงเคียฟ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายความมั่นคงของยูเครนยืนยันว่า โดรนทั้งหมดคือ โดรนพิฆาตรุ่น “ชาเฮด” ที่ผลิตในอิหร่าน และรัฐบาลเตหะรานส่งมาสนับสนุนภารกิจทางทหารของรัสเซียในยูเครน
Russia-China relations strong despite Western pressure – Putin
— RT (@RT_com) December 30, 2022
WATCH full video here: https://t.co/XHMpDexVAE pic.twitter.com/k0bQBQ6L06
ขณะที่กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย รายงานเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าวเพียงว่า เป็นปฏิบัติการโจมตี “โครงสร้างพื้นฐาน” ในยูเครน โดยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครน ว่า ใช้โดรนโจมตีของอิหร่านหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประชุมทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน โดยสื่อของรัสเซียออกอากาศช่วงหนึ่ง จากการสนทนาของผู้นำทั้งสองคน เป็นความยาวนานถึง 8 นาที ซึ่งปูตินแสดงความหวังว่า สีซึ่งถือเป็น “เพื่อนรัก” จะเยือนกรุงมอสโกอย่างเป็นทางการ ภายในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อสะท้อนให้โลก “ได้ประจักษ์ถึงความใกล้ชิดระหว่างจีนกับรัสเซีย” และเปรยเกี่ยวกับ การยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมระดับทวิภาคี
Vladimir Putin told Xi Jinping he expects a visit in 2023. A state visit by the Chinese president would be a public show of solidarity amid Russia’s war in Ukraine. https://t.co/FwaO52nsf1 pic.twitter.com/EDus9qiGyf
— South China Morning Post (@SCMPNews) December 31, 2022
ด้านสีกล่าวตอบว่า จีนพร้อมขยายขอบเขต “ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์” กับรัฐบาลมอสโก เพื่อร่วมกันฝ่าฟัน “สถานการณ์ยากลำบาก” บนเวทีโลก นอกจากนั้น ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า มาตรการกดดันและควบคุมฝ่ายเดียว “ไม่ใช่เรื่องที่น่านิยม” เช่นเดียวกับความพยายามแทรกแซงกิจภารภายในและการคว่ำบาตร “ซึ่งมีแต่จะล้มเหลวเท่านั้น”
ต่อมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลวอชิงตัน “มีความวิตกกังวล” ต่อการประชุมทางไกลระหว่างผู้นำจีนกับรัสเซียครั้งนี้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับการที่รัฐบาลปักกิ่งป่าวประกาศ “ความเป็นกลาง” แต่แท้จริงแล้ว ยังคงสนับสนุนและลงทุนในรัสเซีย สหรัฐจะจับตาความเคลื่อนไหวของจีนในเรื่องนี้ “อย่างใกล้ชิด”.
เครดิตภาพ : REUTERS