สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ว่า คณะกรรมการประชาชนเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ประกาศเมื่อวันศุกร์ ยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ "เป็นขั้นสูงสุด" นานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 ส.ค.นี้เป็นต้นไป โดยมาตรการเพิ่มเติมที่สำคัญ คือ "การห้ามออกนอกเคหสถานโดยไม่มีความเป็นอย่างเด็ดขาด" 
ขณะที่รถกระจายเสียงของรัฐบาลตระเวนไปตามท้องถนนทั่วเมืองโฮจิมินห์ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก โดยยืนยันว่าอาหารและสิ่งของจำเป็นมีเพียงพอ ในช่วงล็อกดาวน์รอบใหม่ ทหารและตำรวจจะกระจายกำลังกันลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็นให้แก่ทุกครัวเรือน เช่นเดียวกับ บุคลากรการแพทย์จากกองทัพ ซึ่งจะตระเวนลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกตามชุมชน และให้ความดูแลแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงที่สุด
ในเวลาเดียวกัน คณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยประกาศขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมทางสังคมเป็นขั้นสูงสุด ต่ออีกอย่างน้อย 15 วัน มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 ส.ค.เช่นกัน เนื่องจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ "ยังไม่ดีขึ้น"
ด้าน นายฝ่าม มิงห์ จิงห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม สั่งยกระดับการตรวจคัดกรองเชิงรุกในเมืองโฮจิมินห์ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย จนถึงปัจจุบัน มีชาวเมืองโฮจิมินห์ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วมากกว่า 5 ล้านคน คิดเป็น 71% ของประชากร 6.9 ล้านคน ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และมีการตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็มสองให้ได้อย่างน้อย 15% ภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้.

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามรายงานสถิติเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ประจำวันศุกร์ ยืนยันผู้ติดเชื้อ 10,657 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ นับตั้งแต่เวียดนามเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรค เมื่อต้นปีที่แล้ว และเป็นวันที่สองติดต่อกัน ซึ่งเวียดนามมีผู้ป่วยยืนยันมากกว่า 10,000 คนภายในวันเดียว

ส่วนสถิติผู้หายป่วยสะสมมีอย่างน้อย 132,815 คน และสถิติผู้เสียชีวิตสะสมมีอย่างน้อย 7,540 ราย เพิ่มขึ้น 390 คน เป็นสถิติผู้เสียชีวิตสูงสุดภายในวันเดียวของเวียดนาม.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES