กรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และฝ่ายปกครอง เข้าจับกุมสถานบริการชื่อ “คลับวัน พัทยา” ตั้งอยู่ถนนเพ็ชรตระกูล หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงตี 3 วันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวกว่า 200 คน และยาเสพติดเกลื่อนพื้นจำนวนมาก ต่อมานักท่องเที่ยวกำลังรอตรวจปัสสาวะ ฮือหลบหนีไปได้หมดอย่างเป็นที่กังขาของสังคม หลังมีคลิปชายโวยวายอ้างว่ามีการดูแลผู้ใหญ่ระดับจังหวัดแล้ว จนเป็นข่าวฮือฮา กระทั่ง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ขยายผลกลุ่มผู้เสพ และเครือข่ายที่นำยาเสพติดมาจำหน่ายในสถานบริการเมืองพัทยา

พ่อเมืองชลฯ-ตร.แจงด่วน ปัดรู้จัก ‘เอี๋ยว พัทยา’ ปมคลิปกร่าง ‘อ้างจ่ายส่วย’ ขวางตรวจผับ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ปรก.รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมด้วย เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.2 หน่วยพิสูจน์หลักฐานชลบุรี ร่วมกันเปิดปฏิบัติการตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด (แฮปปี้วอเตอร์)

โดยนำหมายค้นเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมนายหยาง จือกัว (MR.YANG ZHIGUO) สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.559/2565 ลง 30 พ.ย. 2565 ข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหาจำหน่ายโดยการร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต และประสาทประเภท 1 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเป็นการกระทำเพื่อการค้าและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ” และข้อหา “รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อมีให้ผู้กระทำความผิด ร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดถูกลงโทษ”

โดยแนวทางการสืบสวนพบว่า นายหยาง จือกัว นำเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด มาซื้อบ้านเลขที่ 222/112 และ 222/156 หมู่บ้านสิริสา 16 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยใช้เปิดเป็นบริษัท ซีแอนด์ เอฟ 112 พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท ลัคกี้ หยาง จำกัด พร้อมอ้างว่า ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ฯ แต่ไม่พบการประกอบธุรกิจตามที่แจ้ง และยังพบว่า นำเงินไปลงทุนในธุรกิจห้อง KTV (ห้องคาราโอเกะ วีไอพี) บนชั้น2 ของ “โบนผับ พัทยา” หรือ “คลับวัน” โดยจะรับนักท่องเที่ยว เฉพาะซาวจีนมาจัดปาร์ตี้ยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมสถานบริการ “โบนผับ” หลายครั้ง โดยเฉพาะปี 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายเจษฎา หรือแจ็ค สุทธิจันทรา กับพวก รวม 44 คน จัดปาร์ตี้เสพยาเสพติด (แฮปปี้วอเตอร์) ส่งดำเนินคดี สภ.เมืองพัทยา

รวบเจ้าของ ‘โบนผับ พัทยา’ เอี่ยว ‘เสธ.ทหารเรือ’ พัวพันเว็บพนัน-ยานรก

ซึ่งการจับกุมครั้งนั้น นายเจษฎา หรือแจ็ค รับว่า ตนเองผสมยาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ ให้กับ กับ นายนิติพัฒน์ หรือกู๋เอี่ยว โชคชัยธนพร นำไปจำหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ” และต่อมาศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ นายนิติพัฒน์ หรือกู๋เอี่ยว และได้ตรวจยึดทรัพย์สิน เนื่องกับการค้ายาเสพติด รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ส่ง ปปส. และ ปปง. ดำเนินคดี

ทั้งนี้ จากการสืบสวนขยายผลต่อเนื่อง พบว่านายหยาง จือกัว เป็นนายทุนให้ กับนายนิติพัฒน์ฯ หรือกู๋เอี่ยว นำยาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ ไปจำหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ” และนำรายได้มาแบ่งกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง ได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับ นายหยาง จือกัว และศาลจังหวัดพัทยาได้อนุมัติหมายจับ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.65 และในวันที่ 1 ธ.ค.65 เลขาธิการ ปปส.มีหนังสือเลขที่ 7415/2565 ให้อายัดทรัพย์สินของนายหยาง จือกัว ชั่วคราว กระทั่งวันนี้ (16 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม และยึดทรัพย์ฯ เครือข่ายนายหยางจือกัว โดยมีทรัพย์สิน ได้แก่ บ้านสองหลังเปิดเป็นบริษัท รวมมูลค่า 30,000,000 บาท และอายัดเงินในบัญชี 2 บัญชียอดเงิน 14 ล้านบาท ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 ชุด, บุหรี่และสุราต่างประเทศ

นอกจากนี้ จากการตรวจค้นขยายผลพบว่า นายหยางฯ ซื้อคอนโดในพื้นที่เมืองพัทยา และ อ.บางละมุง ไว้อีก 4 ห้อง มูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท และพบว่าซื้อรถยนต์ยี่โตโยต้า อัลพาร์ด 1 คัน และรถยนต์อเนกประสงค์ ฮุนได รุ่น เอช 1 จำนวน 1 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมดมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนตัว นายหยางฯ เบื้องทราบว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวหุ้นส่วนธุรกิจในการเปิดบริษัททั้ง 2 บริษัท ซึ่งเป็นชาวไทย 2 ราย มาสอบปากคำและตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี และจะขยายผลถึงหุ้นส่วนรายอื่นๆ ที่มีชื่อและเกี่ยวข้องในบริษัทเครื่อข่ายของนายหยางฯ มาตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย พบว่า บ้านหลังข้างเคียงพบมีชาวจีน 4 คน พักอาศัยอยู่ จึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่า มีบุคคลอยู่เกินกำหนด (โอเวอร์สเตย์) 1 ราย จึงควบคุมทั้งหมดไปสอบสวน หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนายหยางฯ และมีความผิดอื่นๆ จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป.