เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบ.ปส. ร่วมกันแถลงผลการยึดอายัดทรัพย์สินล่าสุดของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในวันนี้นายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิวาลักซ์ รีสอร์ต แอนด์ สปา ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2559 ต่อเนื่องปี 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เริ่มแรกมีกรรมการ 3 ราย ได้แก่ นางพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา นางรัตนา อิทธิวัฒนา และนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ โดยตัวโรงแรมตั้งอยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยตัวโรงแรมแห่งนี้มีทั้งหมด 9 อาคาร 372 ห้อง รวม 49 ไร่ มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวม 3,000 ล้านบาท จากนั้นได้มีการปรับผู้ถือหุ้นใหม่เป็น 3 ราย ประกอบด้วย นางพัชรินทร์ และสมาชิกของนางพัชรินทร์ อีกสองคน เป็นหุ้นส่วนบริษัท

สำหรับทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้ล่าสุดนั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า ประกอบด้วย โฉนดที่ดิน 5 แปลง (ที่ดินมูลค่า 250 ล้านบาท) 38 ไร่ 3 งาน 39 ตารางวา และสิ่งปลูกสร้างรวมมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท รถยนต์อีกจำนวน 5 คัน คันที่มีราคาแพงที่สุด มีราคา 17 ล้านบาท เป็นรุ่น Bentley Continental GT และยังมีรถยนต์โตโยต้า รุ่น Alphard รุ่น Hiace รถยนต์นิสสัน รุ่น March รวมมูลค่าทั้งรถยนต์ อาคาร ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 3,020,450,000 บาท อย่างไรก็ตาม การยึดอายัดทรัพย์ครั้งนี้ เป็นในส่วนของดีเอสไอ เพราะเรามีคณะทำงานชื่อ พาลีปราบยา ส่วนที่ ป.ป.ส. ได้แถลงยึดอายัดทรัพย์ไปเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค. 65) จำนวน 1,131 ล้านบาทนั้น ก็เป็นอีกยอดหนึ่ง ไม่ใช่ยอดรวมในจำนวน 3,020 ล้านบาท ในวันนี้แต่อย่างใด และคาดว่าในภายหน้า จะมีการติดตามยึดอายัดทรัพย์สินต่อเนื่องจำนวนมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในระหว่างการอายัดทรัพย์นั้น บรรดาโรงแรมยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จนกว่ากระบวนการอายัดทรัพย์จะแล้วเสร็จด้วยคำสั่งของศาล ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าของทรัพย์สินสามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงที่มาของทรัพย์ที่ถูกอายัดได้ แต่ระหว่างนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือครองทรัพย์สิน

ส่วนประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาฟอกเงินแก่นายตู้ห่าว ตามข้อสังเกตของนายชูวิทย์นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มูลฐานความผิดการฟอกเงินกับนายตู้ห่าวนั้น ตามอำนาจกฎหมาย ป.ป.ส. ถือว่า ยาเสพติดเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดการฟอกเงิน ดังนั้น การแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินหรือไม่ จะเป็นอำนาจการสอบสวนคดีอาญาที่ตำรวจรับผิดชอบอยู่แล้ว

นายสมศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า การยึดอายัดทรัพย์สินนั้น หากทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่มาจากการกระทำความผิดเรื่องยาเสพติด เรายึดหมด แต่ถ้าพิสูจน์แล้วพบว่าไม่เกี่ยวข้อง ก็สามารถส่งต่อไปยัง ปปง. ได้ และเราจะทำคดีของนายตู้ห่าวต่อเนื่องเรื่อยๆ จะยังค้นหาทรัพย์สินต่อ ซึ่งย้อนหลังได้ถึง 10 ปี ว่า เขาทำอะไรมาบ้าง ครอบครองทรัพย์ใดบ้าง เราก็ยึดได้หมด ทั้งนี้ การที่ชูวิทย์ไปร้องขอให้หน่วยงานตรวจสอบต่างๆ ก็เป็นความวิตกกังวลของคนตั้งใจทำงาน ตนเข้าใจ และขอบคุณที่เข้ามาช่วยปรับการทำงานให้เป็นเรื่องเร่งด่วน เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง.