เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายสำนวนทองศรี นายอำเภอท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.คันธุลี ว่าได้พบจระเข้ขนาดใหญ่อยู่ในคูน้ำรอมถนนซอยตาอุ้ง คูน้ำที่เชื่อมต่อกับคลองหิต พื้นที่หมู่ที่ 8 บ้านศรีทอง ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ห่างจากบ้านเรือนของชาวบ้านประมาณ 100 เมตร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายนิคม สุขสวัสดิ์ หัวหน้าชุดไกรทองลุ่มน้ำตาปีศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืด จ.สุราษฎร์ธานี  เข้าดำเนินการ  เมื่อไปถึงพบว่าผู้นำชุมชน ร่วมกับผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่ได้ช่วยกันจับตัวไว้ได้

ตรวจสอบพบว่าเป็นจระเข้น้ำเค็ม เพศเมียมีความยาวประมาณ 4 เมตร น้ำหนัก 400-500 กิโลกรัม อายุประมาณ 25 ปี และในเวลาไล่เลี่ยกันได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าสามารถจับจระเข้ได้อีก 1 ตัวในบริเวณใกล้เคียงกัน เป็นเพศเมียอายุ ประมาณ 6 ปี มีความยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ50-80 กิโลกรัม จึงเข้าตรวจสอบและนำมารวมไว้กับตัวแรก

นางพิไลพร ทองมาก ประมงอำเภอท่าชนะ แจ้งว่าจระเข้ทั้ง 2 ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้น้ำเค็ม คาดว่าจะเข้ามาทางปากน้ำคลองคันธุลีที่ออกสู่ทะเลได้ ซึ่งได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดไกรทอง เข้ามาจับตัว เนื่องจากจระเข้น้ำเค็มมีนิสัยดุร้าย กว่าจระเข้น้ำจืด และในพื้นที่ดังกล่าว ไม่เคยพบเห็นมานานหลายปี อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในพื้นที่ ที่มีความรู้เรื่องจระเข้ได้ช่วยกันจับจระเข้ไว้ได้สำเร็จ เพราะกลัวจะหลบหนี ตามหาไม่เจอแล้วหลุดไปทำร้ายชาวบ้าน โดยชุดไกรทอง ได้ประสานกรมประมง ขอนำไปดูแลไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสุราษฎร์ธานีอ.กาญจนดิษฐ์

ขณะที่ นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวภายหลังรับทราบว่า เนื่องจากขณะนี้พื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี อยู่ในช่วงฤดูน้ำหลาก จึงได้กำชับให้ประมงจังหวัดเร่งตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงจระเข้ต่างๆ ถึงความมั่นคงแข็งแรงของบ่อเลี้ยงอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งประกาศเตือนถึงประชาชนทั่วไปว่า หากพบเห็นจระเข้ไม่ว่าสายพันธุ์ใดควรแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือ ผู้นำท้องถิ่นเพื่อประสานผู้เชี่ยวชาญเข้าดำเนินการจับกุมอย่างกระทำการตัวตัวเองอย่างเด็ดขาดเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย.