เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ว่า ตนคิดว่าคนๆ เดียวไม่สามารถแก้ปัญหาคนกลุ่มความคิดเดิมๆได้ และคนที่เข้าไปอาจจะเสียด้วย วัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องใหญ่ คนเก่งขนาดไหน หากไปอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ใช่ ก็จะลดทอนความสามารถของคนลง หากวัฒนธรรมองค์กรดีๆ ถึงคนจะไม่เก่งเข้าไปอยู่ก็จะส่งเสริมทำให้คนเก่งขึ้น

เมื่อถามว่า นายมิ่งขวัญยังสามารถขายได้ในสนามเลือกตั้งหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า นายมิ่งขวัญตั้งพรรคเองมา 2 ครั้ง หากเขาคิดว่าตัวเขาเองขายได้ คงไม่ย้ายไปพรรคอื่น

“ผมถึงบอกสินค้าอาจจะดี แต่ถ้าไปอยู่ในแพ็กเกจที่ไม่ดีมันก็ไม่ได้ คนเก่งไปอยู่ในองค์กรที่ไม่เก่ง อาจจะถูกลิดรอน ราคาอาจจะตกก็ได้ ท่านก็มีพรรคตัวเองแล้ว ท่านน่าจะรู้ว่าจะไปได้หรือไม่ได้ อันนั้นคือคำตอบ” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า พรรค พปชร. ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้เราคิดว่าไม่น่ากลัวหรอก เพราะมันพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโพล หรือการตอบรับ เรามั่นใจว่าประชาชนได้รับการกดดันมา 8 ปี ตนคิดว่าประชาชนต้องหาทางออกให้ได้ และเราก็เสนอทางออกให้เขาแล้ว

นายสุทิน ยังกล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศว่า หากพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาล จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ว่า จะทำให้เศรษฐกิจพัง ว่าพรรค พท. วิเคราะห์เรื่องนี้มาอย่างละเอียดว่าในอีก 5-6 ปี ค่าครองชีพจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลดลง เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น เราจะปล่อยให้คนอยู่กับรายได้ต่ำแบบนี้ไม่ได้ ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน ท่านเข้าใจผิดว่ารัฐต้องควักเงิน จริงๆ รัฐไม่ได้ควักเงิน แต่คนที่ควักเงินคือนายจ้าง ซึ่งรัฐบาลพรรค พท. คิดว่าเราจะช่วยเฉพาะลูกจ้างอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องช่วยนายจ้างให้อยู่ได้ด้วย โดยนายจ้างต้องมีรายได้สูงขึ้น พรรค พท. ต้องช่วยให้นายจ้างมีรายได้สูงขึ้น โดยต้องทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น หรืออาจจะเป็นระบบภาษี การเซ็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีให้เยอะ เมื่อเยอะขึ้นคนลงทุนเขาก็ไม่ต้องจ่ายภาษีส่งออก 

มีคนห่วงว่าเมื่อค่าแรงสูงสินค้าก็จะมีราคาแพง หากว่ากันตามหลักทฤษฎีค่าแรงเป็นเพียงแค่ 10% ของการผลิต ซึ่งที่มีการขึ้นสูง เป็นสิ่งที่รัฐควบคุมไม่ได้ เป็นการฉวยโอกาสเราจะอ้างตรงนี้ไม่ได้ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นความจำเป็น แต่ยืนยันว่าพรรคต้องช่วยทุกคน ไม่ต้องกังวล และที่มีคนคิดว่าหากเป็นแบบนี้ผู้ประกอบการจะย้ายฐานผลิตเยอะขึ้น ซึ่งการย้ายฐานผลิตนั้น มีหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ค่าแรง ที่ผ่านมา 8 ปี ไม่ได้ขึ้นค่าแรงเลย ทำไมเขาย้ายฐานผลิต ฉะนั้น หากรัฐบาลคิดครบวงจรก็สามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้ 

เมื่อถามว่า มั่นใจว่านโยบายนี้จะสามารถทำให้สำเร็จได้ใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ทำได้ พรรค พท. บอกว่า เมื่อก่อนเรื่องยากๆ เราก็ทำมาแล้ว เราเคยทำค่าแรงขั้นต่ำจาก 215 บาท เป็น 300 บาท ไม่มีใครเจ๊งด้วย ตอนนี้เราก็เคาะแล้ว จากปี 65 จนถึงปี 70 แล้วเราสร้างเศรษฐกิจใหม่ ที่รัฐบาลนี้ทำไม่ได้ เพราะเราคิดรายได้เดิม ธุรกิจเดิม แต่ที่ พท. คิดคือเราสร้างเศรษฐกิจใหม่ รายได้ใหม่ ซึ่งจะเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่อยู่ได้และโต้คลื่นความเปลี่ยนแปลงและแก้วิกฤติต่างๆ ได้

นอกจากนี้ นายสุทินได้กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ ปลดล็อกท้องถิ่น ว่า ทางฝ่ายค้านเองได้พิจารณาโดยละเอียดแล้ว และเป็นร่างของประชาชน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับในเรื่องหลักการ ส่วนรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการก็ค่อยไปปรับแก้ให้เหมาะสม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรช่วงบ่าย จะเป็นเรื่องการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา ยังติดปัญหาในเรื่องของที่ประชุมสภาให้มีการโหวตใหม่อีกครั้งในมาตรา 9/1 ซึ่งฝ่ายค้านยืนยันว่า การโหวตใหม่ไม่ชอบด้วยข้อบังคับ จึงขอไม่ร่วมกระทำความผิดด้วย และเชื่อว่าสภาจะเดินหน้าได้ ถ้าหาก ส.ส.รัฐบาลให้ความร่วมมืออยู่กันให้ครบองค์ประชุม

เราไม่ได้เล่นเกมล่มองค์ประชุม เพราะถ้าเล่นเกมคือการไม่บอกล่วงหน้า คือ ลับลวงพราง แต่เรื่องนี้เราบอกตั้งแต่ต้นว่า วิธีการโหวตใหม่ไม่ถูกต้อง เราร่วมทำไม่ได้ และบอกมาตลอด ถ้าคิดว่าเป็นเกม ก็สามารถแก้ได้ง่ายๆ ว่า รัฐบาลมาครบก็จบ เท่านั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ไม่ใช่เรื่องเกินวิสัย รัฐบาลทุกยุคเรื่องแค่นี้เขาหมูเลย ฝ่ายค้านบอกล่วงหน้า ถ้าไปกันเยอะก็จบ ฉะนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้าน ปัญหาอยู่ที่รัฐบาลเขาคุยกันได้หรือเปล่า ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ท่านประธานอาจจะวิเคราะห์ตรงนี้คลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่เชื่อว่าท่านควรต้องแก้ปัญหาได้ ทั้งนี้ ไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานใหม่ ถ้าบรรทัดฐานใหม่แล้วชอบด้วยข้อบังคับก็จะไม่ว่า แต่ส่วนนี้ดูเหมือนไม่ชอบด้วยข้อบังคับ

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวตบท้ายกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าจะอยู่ต่ออีก 2 ปี จะเป็นการทำให้ พท. ไม่ชนะการเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่าท่านชัดเจนดี ก็ต้องขอขอบคุณมาก จะอยู่อีกกี่ปีก็บอกเลย ประชาชนจะได้คิดได้ง่ายๆ แต่ถามว่าเราจะชนะได้หรือไม่ ตนคิดว่าไม่มีใครจะชนะหรือแพ้แค่ใครจะอยู่ไม่กี่ปี อยู่ที่ประชาชนจะทนอยู่กับระบบเก่าๆ ได้หรือไม่ อีก 2 ปี ชาวบ้านจะทนแบบเดิมได้อีกหรือไม่ นี่เป็นจุดที่เราคิด ถ้าเราเสนอแนวทางใหม่ว่าอีก 2-4 ปี ข้างหน้า หากประชาชนสามารถก้าวออกจากแบบเดิมได้ ตนว่าเขาคิดเป็น ว่าเขาจะเลือกใคร