ดราม่า ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กรณีห้ามถ่ายทอดสด ทาง IPTV ช่องทางอื่น (เช่น กล่อง AIS) นอกจากของทรู ขณะเดียวกัน กสทช. ก็แจ้ง กกท. ให้บริหารการถ่ายทอดสดให้เป็นธรรม เสมอภาค ทั่วถึง มิเช่นนั้นจะทวงคืนเงินสนับสนุน 600 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 ธ.ค. 65 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ระบุว่า ก่อนจะตกลงกับทรู ก็คุยทุกเจ้า ทรูแสดงความประสงค์แต่ต้นว่าจะมาสนับสนุน เงินสูงกว่าเจ้าอื่น เป็นประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ ทรูขอสิทธิในเรื่องการถ่ายทอดช่องทางต่างๆ รวมถึงสิทธิทาง IPTV ที่เป็นปัญหาอยู่ ตัวเงิน 300 ล้านบาท ทรูเสนอเข้ามา มีรายละเอียดอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะ IPTV ซึ่งเรารับเงื่อนไขทุกข้อ จึงทำเอ็มโอยู
กับปัญหา จอดำใน IPTV เจ้าอื่นนั้น ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า เรื่องนี้ปรึกษา กสทช. แต่ต้น ว่าทำได้หรือไม่ (ในการมอบสิทธิให้ทรู) และเมื่อทำเอ็มโอยูกับทรู ก็มีหนังสือถาม กสทช. 2 ครั้ง ว่าจะมีปัญหามัสต์แฮฟ มัสต์แครี่ ซึ่ง กสทช. ตอบไม่ชัด แต่ด้วยวาจาในการประชุม ค่อนข้างชัดว่าทำได้ เป็นเรื่องของกฎหมายลิขสิทธิ์ เบื้องต้น กสทช. รับทราบว่าจะมีการดำเนินการกับทรู หรือแม้แต่ เอ็มโอยู ที่ กกท. ทำกับ กสทช. มุมของ กกท. ก็มองว่าไม่ได้ปฏิบัติผิดอะไร
ดร.ก้องศักด กล่าวด้วยว่า การจะเปิดรับสนับสนุนทั้ง 2 ค่ายใหญ่ เป็นไปได้ยาก เพราะเป็นเพย์ทีวี ไม่ใช่ทีวีดิจิตอล ยืนยันว่าเปิดกว้างให้ทุกเข้ายื่นข้อเสนอ ใครให้สูงสุด พร้อมให้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ตอนนั้นพยายามหาเงินสนับสนุนมากที่สุด เพราะเงินไม่พอ ส่วนเรื่องการขอ กระทรวงการคลัง ยกเว้นภาษี อยู่ในขั้นตอนเจรจาแบบใกล้ชิด
“กกท. เชื่อมั่น ปฏิบัติถูกต้อง ไม่ได้ปฏิบัติผิด แต่ตอนนี้เรื่องของสิทธิ อยู่ในชั้นศาล ทรูก็นำคดีไปศาลทรัพย์สินทางปัญญา ต้องดูคำวินิจฉัยศาลทรัพย์สินทางปัญญา ประกอบด้วย”
เมื่อถามว่า ถ้าศาลทรัพย์สินทางปัญญา ยืนฝั่งทรู แต่ กสทช. บอกว่า การบล็อก เอไอเอส ผิดกฎมัสต์แครี่ มัสต์แฮฟ จะทำอย่างไร ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ก็ต้องเจรจากับฝ่ายต่างๆ
ส่วนกรณี สั่ง จานดำ C-Band “จอดำ” นั้น ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ต้องดำเนินการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรฐานฟีฟ่า เมื่อมีการละเมิด ฟีฟ่าเตือนมา ก็ต้องดำเนินการ.