สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ว่าสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ( ไอเอฟอาร์ซี ) เผยแพร่แถลงการณ์ของนายอเล็กซานเดอร์ มาเธอู ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีเนื้อหาสำคัญในตอนหนึ่ง ว่าวิกฤติการแพร่ระบาดระลอกปัจจุบันของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นผลจากเชื้อไวรัสเดลตา กำลังสร้างความสูญเสียให้แก่ชีวิตของครอบครัวจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสถานการณ์ "ยังห่างไกลจากจุดสิ้นสุด"
แม้ภูมิภาคแห่งนี้สามารถเอาตัวรอดได้จากวิกฤติการแพร่ระบาดรอบแรก เมื่อปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ประเทศขนาดใหญ่หลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ยังคงมีสถิติผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตรายวันจากโรคโควิด-19 อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุข การจัดหาและการกระจายวัคซีน
ปัจจุบัน อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการฉีดวัคซีนครบแล้ว ให้แก่ประชากรประมาณ 10-11% ในขณะที่ตัวเลขของเวียดนามยังไม่ถึง 2% ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ กลุ่มประเทศร่ำรวยควรเพิ่มความช่วยเหลือด้านวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ให้แก่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนผู้ผลิตและรัฐบาลของนานาประเทศควรมีการแบ่งปันเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการผลิต
ทั้งนี้ ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง มีความสำคัญอย่างมากกับทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในด้านการตรวจคัดกรอง การรักษาโรค และการฉีดวัคซีนที่ต้องมีอัตราการฉีดรวมกันให้ได้ 70-80% เพื่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ระดับภูมิภาค.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES