เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวส่งมอบการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 2566 ให้กับสหรัฐอเมริกาที่จะเป็นเจ้าภาพ โดยระบุว่า ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด และสัญลักษณ์เอเปคในปีนี้ คือชะลอม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยที่ใช้บรรจุสินค้าข้าวของ และเครื่องใช้ในยามเดินทาง และใส่ของขวัญ สำหรับมอบให้กับญาติ ซึ่งชะลอม นั้นสะท้อนถึงหัวข้อหลักในการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย และรูปแบบการทำงานของเอเปคได้เป็นอย่างดี 

กล่าวคือการเปิดกว้างสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันสู่สมดุล โดยประสานความเข้มแข็งที่หลากหลาย และความพยายามของเขตเศรษฐกิจสมาชิกเข้าด้วยกัน รวมถึงสร้างความภาคภูมิในภาคเอเชียแปซิคฟิคให้เข้มแข็ง ยึดหยุ่น ครอบคลุมและยั่งยืน ในวันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่จะส่งมอบชะลอมใบนี้ ให้เป็นของขวัญ และสัญลักษณ์ของความเข้มแข็ง ยืดหยุ่นและความต่อเนื่องของความร่วมมือของพวกเราให้แก่สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปีถัดไป โดยเอเปคถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ พวกเราจำเป็นต้องรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และบริหารจัดการภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา  

ทั้งนี้ ไทยพร้อมร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาในการขับเคลื่อนงานของเอเปคต่อไปอย่างไร้รอยต่อ ตนมั่นใจว่า ประเด็นความยั่งยืนและครอบคลุม ที่ระบุไว้ในเป้าหมายกรุงเทพฯ ที่ได้ร่วมการวางรากฐานเป็นอย่างดี จะได้รับการสานต่อไปในปีหน้า ภายใต้หัวข้อหลักในการเป็นเจ้าภาพเอเปคของสหรัฐอเมริกา ตนเชื่อว่าภายใต้สหรัฐอเมริกานั้น เอเปคจะได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างดี ตนขออวยพรให้ประสบความสำเร็จ ในการเริ่มต้นการเป็นวาระเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 66 ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชะลอมสัญลักษณ์ไทย ส่งไม้ต่อให้กับสหรัฐอเมริกา เพื่อรับหน้าที่ตำแหน่งประธานเอเปคในปีหน้า เพื่อทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมเอเปคต่อจากไทย ซึ่งการส่งมอบตำแหน่งเป็นช่วงท้ายการประชุมเอเปค โดยนายกรัฐมนตรีจะมอบชะลอม ซึ่งภายในบรรจุผลไม้จำลอง และการบูรสำหรับไล่แมลง โดยชะลอมจะห่อหุ้มด้วยใยบัว การออกแบบเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์การประชุมเอเปคปีนี้ของไทย โดยจัดทำสองชิ้น ตามแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ เพื่อใช้สำหรับส่งมอบให้กับสหรัฐอเมริกา และอีกหนึ่งชิ้นเก็บไว้เป็นที่ระลึกในประเทศไทย

ต่อมาเวลา 12.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงความสำเร็จการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคครั้งที่ 29 ว่า ก่อนอื่นตนขอแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จออกทรงรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค พร้อมกับคู่สมรส และแขกพิเศษที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อค่ำวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติแก่คณะผู้เข้าร่วมประชุม และคนไทยทุกคน ซึ่งการประชุมเอเปคครั้งที่ 29 จบลงแล้ว ด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม จึงถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันของสมาชิกเอเปคทั้งหมด รวมทั้งทีมงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านในที่นี้ด้วย ยืนหยัดทำงานท่ามกลางสภาวะโลกที่ผันผวน เพื่อสร้างการเติบโตและอนาคตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยได้ต้อนรับคณะผู้นำพร้อมคู่สมรส แขกพิเศษและผู้เข้าร่วมประชุมและสื่อต่างชาติรวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 คน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคได้เดินทางมาประชุมร่วมกันแบบพบหน้า ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ผู้นำเอเปค ยังได้หารือกับแขกพิเศษได้แก่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ผู้นำได้พูดคุยกับภาคเอกชน ในการหารือกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค และนายกฯ ยังได้รับฟังมุมมองของกลุ่มผู้แทนเยาวชนเอเปคจาก APEC Voices of the Future 2022

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หยิบยกสถานการณ์การคุกคามด้านนิวเคลียร์ ไทยในฐานะเจ้าภาพเอเปคเข้าใจ ตนเชื่อว่าทุกคนต่างมีข้อห่วงใยในเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้มีการพูดคุยหารือกันไปแล้ว ตนและผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคได้รับรองปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 สะท้อนให้เห็นการทำงานของเอเปค 2022 ตลอดทั้งปีที่มีแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ที่สำคัญ เพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมภายใต้ 3 หัวข้อหลัก คือ 

1.เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เอเปคได้เดินหน้าสานต่อการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก FTAAP ผลงานที่เป็นรูปธรรม คือ จัดทำแผนงานต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิก และเตรียมความพร้อมในการรับมือกับประเด็นการค้าการลงทุนใหม่ ๆ 2.เชื่อมโยงกัน เอเปคได้ฟื้นฟูการเดินทางข้ามแดนระหว่างกันอย่างปลอดภัย และไร้รอยต่อ เพื่อสร้างความพร้อมรับมือวิกฤติใหม่ในอนาคต และ 3.สู่สมดุล ผู้นำเอเปคทุกคนได้ร่วมกันรับรอง เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจบีซีจีวางรากฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อย่างครอบคลุมยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อย่างเป็นระบบ ซึ่งโอกาสนี้ เอเปคได้ร่วมเปิดตัวเว็บไซต์ bangkokgoals.apec.org อีกด้วย 

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 65 ของไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว และได้ส่งมอบการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคให้กับสหรัฐอเมริกา มั่นใจว่าสหรัฐอเมริกาจะสานต่อภารกิจที่ไทยได้ริเริ่มไว้ โดยเฉพาะการส่งเสริมการเติบโตอย่างครอบคลุมและยังยืนในภูมิภาค

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงการประชุมเอเปคเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่ ไม่มีอะไร” เมื่อถามย้ำว่านายกฯ เหนื่อยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่เหนื่อย”

ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงบรรยากาศของการประชุมเอเปคว่า เป็นบรรยากาศที่ดี ทุกคนให้ความเชื่อมั่น และนายกรัฐมนตรีได้สร้างความเชื่อมั่นกับผู้นำเหล่านี้มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ทำให้การเจรจาเป็นไปด้วยความราบรื่น ที่สำคัญเรื่องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศชาอุดีอาระเบีย 30 กว่าปีที่หายไปนั้น เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะถือเป็นประเทศที่มีกำลังซื้ออย่างมหาศาล ซึ่งผู้นำของเขาได้ให้การรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะต้องขยายความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ ให้มาทดแทนโอกาสที่เคยเสียไป 30 ปีที่แล้ว และเร่งพัฒนาความร่วมมือระหว่างการค้าและการลงทุน ซึ่งเมื่อวานนี้ ในความเห็นส่วนตัว ตนถือว่าสำเร็จแล้ว ส่วนกับผู้นำชาติอื่นๆ นั้น ทาง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอให้ให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดเวิลด์ เฮลท์ เอ็กซ์โป 2028 ที่จะจัดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าท่านให้การสนับสนุน โดยงานดังกล่าวจะเป็นงานที่เกี่ยวกับสุขภาพ.