เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่ลานพ่อขุนรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และพรรคศรัทธาธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง แถลงข่าวคัดค้าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานการจัดประชุมเอเปค 2022 โดยทางเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และพรรคศรัทธาธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้อ่านแถลงการณ์ว่าด้วยความไม่ชอบธรรมในการเป็นประธานการประชุม APEC 2022 ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งระบุว่า รัฐแต่ละรัฐในโลก ล้วนต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทั้งปวงของรัฐตนเหนือสิ่งอื่นใด

การประชุมระดับนานาชาติ เป็นหนึ่งในเครื่องมือของรัฐ ในการเติมเต็มประโยชน์ของประชาชนของรัฐนั้น ผู้แทนของประเทศในการประชุมระดับนานาชาติ จึงสมควรเป็นผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน มากกว่าสิ่งอื่นใด เพื่อที่ผู้นั้นจะสามารถกระทำการใดๆ โดยก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนของชาติ ตนได้ผู้นำที่นำประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งเช่นนั้น จึงมีความชอบธรรมอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้แทนของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ในปี พ.ศ. 2565 หรือ APEC 2022 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมนั้น ประเทศไทยหาได้มีผู้นำที่มีความชอบธรรม มาเป็นผู้แทนของประเทศ อันสามารถทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากการประชุมในครั้งนี้ไม่ แต่กลับมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้นำของประเทศที่มาจากการรัฐประหาร ซึ่งละเลยเสียงของประชาชน และไม่สามารถบริหารประเทศโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งได้อย่างแท้จริง ผู้นำของประเทศจะต้องปกครองประเทศ เพื่อสนองความต้องการของประชาชน การรับฟังความเห็นของประชาชน จึงเป็นคุณสมบัติของผู้นำที่ดี แต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมีพฤติกรรมตรงกันข้าม

เสียงความต้องการของประชาชนกลับถูกขัดขวางไม่ให้สนอง เสียงความเดือดร้อนของประชาชนกลับถูกละเลยที่จะแก้ไข เห็นได้จากการที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามที่ประชาชนได้เข้ามาร้องทุกข์อย่างจริงจัง ข้อเรียกร้องต่างๆ ของประชาชนกลับถูกเพิกเฉย ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและโรคระบาด นอกเหนือจากนั้น ประชาชนที่เห็นต่าง กลับถูกดำเนินคดีเพื่อปิดปาก มิให้แสดงความคิดเห็นในทางที่รัฐบาลไม่พึงพอใจ ทำให้มีนักโทษการเมืองเป็นจำนวนมาก เปลี่ยนกฎหมายซึ่งควรเป็นเครื่องคุ้มครองประชาชน กลายเป็นเครื่องคุ้มครองตนเอง

ในปี พ.ศ. 2557 นั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พิสูจน์ตนเองต่อสายตาประชาชนไทยแล้วว่า ได้บริหารประเทศโดยละเลยเสียงของประชาชนและไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ประชาชนไทยจึงไม่อาจไว้วางใจให้ผู้นำเช่นนี้เป็นผู้แทนของประเทศในการประชุมระดับนานาชาติได้ ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงไร้ซึ่งความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิงในการเป็นประธานการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคครั้งนี้ และสมควรพิจารณาตนเอง ในการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่สามารถบริหารประเทศโดยตอบสนองความต้องการประชาชนได้อย่างแท้จริง

ขณะที่นายนันทพงศ์ ปานมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่า จุดยืนของทางเครือข่ายรามคำแหงฯต้องการเรียกร้องและแสดงให้ผู้นำต่างชาติเห็นถึงการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ อีกทั้งทางแกนนำยังคงยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่ง 2. ยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งโดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชนที่แท้จริง และ 3. แก้บทบัญญัติเนื้อหา ม.112 ให้เข้ากับสภาพสังคมปัจจุบัน รวมทั้งปล่อยนักโทษการเมืองที่โดนดำเนินคดี ม.112 

ทั้งนี้ ทางกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงฯ ได้มีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยการทาหน้าสีขาว และนำเทปกาวมาปิดปาก มัดมือมัดเท้า พร้อมป้ายข้อความคัดค้านการจัดเอเปค และข้อความคัดค้านการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงสัญลักษณ์ว่า ประชาชนถูกปิดปากและปิดเสรีภาพของประชาชนไม่ให้พูดวิพากษ์วิจารณ์