สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองนูซาดัว ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เดินทางถึงเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศผู้นำเศรษฐกิจขนาดใหญ่ “จี20” ที่เกาะบาหลี ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีแรกอย่างเป็นทางการ ที่ไบเดนในฐานะผู้นำสหรัฐจะมีโอกาสพบหน้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน
EARLIER: President Biden is greeted with a Balinese welcome dance as he arrives in Bali, Indonesia for the G20 Leader's Summit. pic.twitter.com/LhCm2XS2AG
— The Hill (@thehill) November 13, 2022
ก่อนเดินทางมายังอินโดนีเซีย ไบเดนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ที่กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวว่า สหรัฐ “พร้อมแข่งขันอย่างจริงจัง” กับรัฐบาลปักกิ่ง โดยการแข่งขันนั้น “ต้องไม่ลุกลามบานปลายกลายเป็นความขัดแย้ง”
With Biden and Xi to meet, China warns U.S. on Taiwan briefing https://t.co/jezoekkC9l pic.twitter.com/xTbYGrjXX9
— Reuters (@Reuters) November 11, 2022
ขณะที่ นายจ้าว ลี้เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การที่ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เตรียม “แบ่งปันข้อมูล” จากการพบหารือระหว่างผู้นำสหรัฐกับผู้นำจีน ให้ไต้หวัน “ได้รับทราบร่วมด้วย” เป็นการละเมิดข้อตกลงจีนเดียว และคำมั่นสัญญาของรัฐบาลวอชิงตัน ว่า “จะไม่ติดต่อทางการเมือง” กับรัฐบาลไทเป
ในส่วนของรัฐบาลมอสสโก นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศรัสเซีย เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ในฐานะผู้แทนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน จะเข้าร่วมการประชุมผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ ในฐานะแขกพิเศษ
อนึ่ง ลาฟรอฟเข้าร่วมการประชุมอาเซียนที่กัมพูชาเช่นกัน กล่าวว่า ภูมิภาคแห่งนี้มีแนวโน้มกลายเป็น “สมรภูมิยุทธศาสตร์ภูมิศาสตร์การเมือง” ภายในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า เนื่องจากชัดเจนว่า สหรัฐและนาโตกำลังพยายาม “เข้ามาครอบครอง” พื้นที่แห่งนี้ โดยใช้การเคลื่อนไหวทางทหารเพื่อ “ควบคุม” จีนและรัสเซีย
เกี่ยวกับการที่สหรัฐต้องการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ จะเพื่อยกระดับการจัดการกับ “ประเด็นสำคัญแห่งยุคสมัย” และ “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง” ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ต้องเป็นเปิดกว้าง มีเสถียรภาพ ปลอดภัย และมีความรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนนั้น ลาฟรอฟ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังพยายาม “ใช้ทางลัด” ออกจาก “โครงสร้างอันเป็นระบบ” ของความร่วมมือภายในภูมิภาค.
เครดิตภาพ : REUTERS