เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ตำหนักประกาศอิสรภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พระครูสิริวรธรรมาภินันท์ รองเจ้าคณะอำเภอเมืองสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดมะนาว ร่วมกับ นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายก อบจ.สุพรรณบุรี นายวิทยา บุณยพัชรินทร์ ประธานที่ปรึกษาพิเศษ นายก อบจ.สุพรรณบุรี นายวัชระ พัฒนศรี หัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคตะวันตกนักธุรกิจ คหบดี ชาวบ้าน จำนวนมาก ร่วมกัน ประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปางประกาศอิสรภาพ ผู้ที่มาร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่างนำสิ่งของมีค่าเช่นมวลสาร วัตถุมงคล พระเครื่องและเหรียญมงคลต่างๆ รวมทั้งทองคำ บรรจุลงในพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

อาทิ พระสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จบางขุนพรหม หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย และพระเครื่องพระเกจิชื่อดังอีกมากมาย คิดเป็นมูลค่ามหาศาล หลังพิธีบวงสรวงเสร็จ มีการแสดงรำดาบ และ ตีไก่ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งพิธีกรมีการพากย์อย่างสนุกสนาน และอีกจุดที่เป้นเป้าหมายของนักเสี่ยงโชค คือเลขทะเบียนรถเครนที่ยกรูปหล่อขึ้นบนที่ประทับพระตำหนัก หมายเลข 70-5724 รวมทั้งวันมรณภาพ พ.ศ.เกิด และอายุ ของหลวงพ่อโบ้ยคือ วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2508 สิริอายุรวม 73 ปี 52 พรรษาคอหวยไม่พลาดนำไปเสี่ยงโชคเลขดังกล่าวเกลี้ยงแพงสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มาขายในวัดมะนาว

พระครูสิริวรธรรมาภินันท์ รองเจ้าคณะอำเภอเมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพ หน้าตักกว้างสูง 1.50 เมตร สูง 3.50 เมตร มูลค่า กว่า 2 ล้านบาท ถือว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างอาคารไม้สักพระตำหนักฯ มูลค่าประมาณ 20 ล้าน เป็นอาคารไม้สักแบบเดียวกับวิหารหลวงพ่อโบ้ย เกจิชื่อดังลุ่มน้ำท่าจีนแห่งวัดมะนาว อีกด้วย ขณะนี้ได้เปิดให้ประชาชนมาสักการะบูชาได้แล้ว