สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.เกี่ยวกับความคืบหน้าหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 แมกนิจูด ในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของเฮติ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และนายกรัฐมนตรีอาเรียล อ็องรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลานาน 1 เดือนนั้น
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเฮติรายงาน จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากธรณีพิบัติภัยครั้งนี้ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 1,297 ราย และจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บสะสมเพิ่มเป็นมากกว่า 5,700 คน ขณะที่สำนักงานสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประจำเฮติ ออกแถลงการณ์ยืนยัน พร้อมมอบความสนับสนุนด้านมนุษยธรรม และเสนอการจัดตั้ง "ระเบียงมนุษยธรรม" เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยา และการปกป้องคุ้มครองพลเรือน
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง รวมถึง สาธารณรัฐโดมินิกันและเม็กซิโก จัดส่งสิ่งของจำเป็นด้านมนุษยธรรมจำนวนหนึ่งให้แก่เฮติด้วย
สำหรับมหาธรณีพิบัติภัยในเฮติครั้งนี้ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมเฮติ ที่ยังแทบไม่ฟื้นตัวจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 แมกนิจูด ใกล้กับกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมื่อปี 2553 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 ราย และทำลายโครงสร้างพื้นฐานของระบบสุขาภิบาลในประเทศ ที่เปราะบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่งผลให้เกิดภาวะโรคระบาด โดยเฉพาะอหิวาตกโรค และรัฐบาลเฮติฟ้องร้องศาลหลายแห่ง ว่ากองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น ) คือ "พาหะ" นำโรคระบาดดังกล่าวเข้ามาสู่เฮติ
นอกจากนี้ เฮติยังคงเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ที่ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ระบุว่า ยังไม่มีวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว การเมืองซึ่งไร้เสถียรภาพ นับตั้งแต่เกิดเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส เมื่อต้นเดือนที่แล้ว และเฮติยังอยู่บนเส้นทางของพายุโซนร้อน "เกรซ" ซึ่งกำลังก่อตัวอยู่ในทะเลแคริบเบียนด้วย.
เครดิตภาพ : AP