เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีการเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ช็อกผู้คนทั่วโลก ในงานปาร์ตี้ฉลองวันฮัลโลวีนที่เขตอิแทวอน ซึ่งเป็นย่านสถานบันเทิงยามราตรีในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และมีรายงานว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมดังกล่าว เป็นหญิงสาวชาวไทย และเป็นชาว จ.เพชรบูรณ์

ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า หญิงสาวชาวเพชรบูรณ์ดังกล่าวชื่อ น.ส.ณัฐธิชา มาแก้ว หรือครูแบมแบม อายุ 27 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 9 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก ซึ่งไปเรียนต่อทางด้านภาษาและมาประสบเหตุดังกล่าว โดย ผวจ.เพชรบูรณ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในการนำศพกลับมา 4 แสนบาท แต่ครอบครัวมีเงินอยู่เพียง หนึ่งแสนบาทเท่านั้น

ล่าสุด น.ส.สุกัญญา องค์วิเศษไพบูลย์ แรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย ประกันสังคมจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือ โดยกล่าวว่า ก่อนหน้าที่ผู้เสียชีวิตจะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ ได้เคยทำงานอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และได้เข้าระบบประกันสังคม แต่ได้ลาออกเพื่อเดินทางไปศึกษาต่อ ในด้านภาษาที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่เนื่องจากระบบประกันสังคมยังคุ้มครองอยู่ จึงยังมีเงินช่วยเหลือในส่วนนี้ประมาณหกหมื่นกว่าบาท ซึ่งทางประกันสังคมจะได้เร่งรัด ตรวจสอบ เพื่อเบิกจ่ายให้กับครอบครัวต่อไป

ด้าน นายเพชรลดา บุญแสง อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนและญาติคนสนิทของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา สถานทูตไทยประจำประเทศเกาหลีใต้ ได้แจ้งมาว่า รัฐบาลประเทศเกาหลีใต้มีเงินเยียวยา ให้กับผู้เสียชีวิต ประมาณ 600,000 บาท และเงินเกี่ยวกับการจัดการศพ ประมาณ 400,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร เพื่อนำประกอบในด้านการเบิกจ่ายต่อไป ส่วนร่างของผู้เสียชีวิต ขณะนี้ยังอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ และอยู่ระหว่างการดำเนินการในด้านเอกสาร คาดว่าอีกประมาณ 3-4 วัน ถึงจะสามารถนำศพกลับมาที่ประเทศไทยได้. 

ด้าน นายสาคร มาแก้ว อายุ 67 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่ประเทศเกาหลีใต้ แจ้งมาว่า จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการนำศพลูกสาวกลับมาที่ประเทศไทย ประมาณ 400,000 บาท ตนรู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก และเตรียมที่จะไปหยิบยืมเงินจากญาติๆ เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพด้วย และนอกจากนั้นยังมีเงินที่หยิบยืมจาก ธ.ก.ส เพื่อให้ลูกได้ไปเรียนภาษาอีกประมาณ 100,000 บาท รวมทั้งที่ กยศ. ก็ยังคงค้างอยู่อีกแสนกว่าบาท ตนยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไร เพราะมีลูกสาวเพียงคนเดียว หวังจะฝากผีฝากไข้ และให้ดูแลยามเจ็บป่วย ยามแก่ชรา แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เสียก่อน.