เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่เวทีมวยราชดำเนิน “รองน้อย” นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วย ดร.วิชนี ศรีสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ และนายเธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส ร่วมกันแถลงข่าวจัดมวยไทย “ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ RWS” รายการ “KAT PRESENTS LEGEND OF RAJADAMNERN” ศึกดวลกำปั้นสะท้านโลกไฟต์พิเศษระหว่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ปะทะ โยชิฮิโระ ซาโตะ ที่เวทีมวยราชดำเนิน กำหนดดวลหมัดกันในคืนวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. นี้

สำหรับเบื้องหลังการจับคู่ชกไฟต์ล้างตาครั้งนี้ มีที่มาจาก โยชิฮิโระ ซาโตะ นักชกญี่ปุ่น เจ้าของฉายา “หมัดสไนเปอร์พิฆาต” ได้ฝากรอยแค้นไว้เมื่อ 14 ปีก่อน ด้วยการชนะน็อกเอาต์ในยกที่ 3 ส่ง บัวขาว หลับกลางอากาศ จากศึก K1 World Max 2008 ที่ญี่ปุ่น จึงเป็นนักมวยคนเดียวในโลก ที่ทำให้ประวัติการชกของบัวขาว มากกว่า 300 ไฟต์ ต้องด่างพร้อย มีสถิติ แพ้น็อก 1 ครั้ง

แม้หลังจากนั้น 5 ปี บัวขาว จะมีโอกาสแก้มือซาโตะ แต่ทำได้แค่ชนะคะแนน กระทั่งมาเจอกันอีกครั้งในศึกราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ RWS คืนวันที่ 28 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ยังมีการจัดเต็มคู่มวยสุดมันอีก 10 คู่ ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตกับ LOMOSONIC สามารถรับชมทางช่อง เวิร์คพอยท์ 23 ตั้งแต่เวลา 21.15 น. เป็นต้นไป

บัวขาว บัญชาเมฆ กล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าจะได้มาขึ้นเวทีราชดำเนินอีกครั้งในไฟต์ล้างตาครั้งนี้ ที่โปรโมเตอร์ได้ย้อนไปถึงอดีตเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ให้เราได้มาเจอคู่ปรับเก่า ตนรู้สึกว่าจะต้องเอาคืน เพราะเคยแพ้น็อกเขาเพียงครั้งเดียว ซึ่งทำให้ได้ทบทวนว่า เคยเกิดความผิดพลาดในอาชีพนักมวย ก็เลยคิดว่าดีมากที่จะได้เจอกันอีกครั้ง เพราะเราได้เห็นภาพเก่าๆ ที่ทำให้ต้องสู้อีกครั้ง เพื่อแก้ภาพลักษณ์ของเราให้เห็นภาพเดิมของบัวขาว ที่ขึ้นเวทีต่อสู้ไม่มียั้ง โดยตัวเองก็ทุ่มเทในการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างหนัก และคิดว่าไฟต์นี้จะระเบิดอย่างเต็มที่บนเวทีแน่นอน

ขณะที่ โยชิฮิโระ ซาโตะ กล่าวว่า ตนเป็นนักมวยคนเดียวในโลกที่น็อกบัวขาวได้ ถึงแม้ว่าจะเลิกชกมวยมาได้สักพักแล้ว แต่ก็ยังฟิตซ้อมมาเรื่อยๆ ไฟต์นี้ได้มีโอกาสขึ้นชกกับบัวขาวอีกครั้ง ก็ได้ฟิตซ้อมร่างกายมาเต็มร้อย เพื่อหวังที่จะน็อกบัวขาวเป็นครั้งที่ 2 ให้ได้ ส่วนบัวขาว เป็นนักชกที่มีเทคนิคดีมาก ไม่มีจุดอ่อน แต่เชื่อว่าจุดอ่อนของบัวขาว ก็คือความพ่ายแพ้ต่อตนเอง ครั้งนี้เป็นการชกกันครั้งที่ 5 ดีใจที่จะได้ชกกันอีกครั้ง.