จากกรณี แม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนที่ลุ่มต่ำ ย่านศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเดิม ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี ทำให้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ต่างได้รับความเดือดร้อนจมอยู่ในน้ำ 11 หลังคาเรือน ต้องยกของขึ้นที่สูงเพื่อหนีน้ำ ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นางสารภี อินขำ อายุ 65 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่เดือดร้อนจากน้ำเจ้าพระยา เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา น้ำเจ้าพระยาได้เข้าท่วมชุมชนสูงมากกว่าทุกวันที่ โดยเฉพาะบ้านของตนถูกท่วมหนักจนนอนไม่ได้ ต้องออกมานั่งอยู่นอกบ้านเพื่อรอให้น้ำลงถึงจะเข้าไปทำความสะอาดบ้านแล้วค่อยนอนได้ ในวันนี้ตนและลูกได้ไปชื้อแคร่ไม้ไผ่มาสองอัน เพื่อเอาไว้นอน ส่วนของใช้ต่าง ๆ ก็ยกเอาไว้ที่สูง บางอย่างเก็บไม่ทันก็ทิ้งไป

ส่วนที่บ้านเลขที่ 135 ซึ่งอยู่ใกล้กันพบ นางมณี บุตรดี อายุ 84 ปี และ นายสัมฤทธิ์ ภู่กุล อายุ 74 ปี สองตายาย เล่าให้ฟังว่า น้ำได้เข้าท่วมบ้านของตนและเพื่อนบ้านในชุมชนมานานสามเดือนกว่าแล้ว บ้านแต่ละหลังต้องตีแคร่ยกสูงเพื่อเอาไว้นอนและเป็นที่เก็บของหนีน้ำ ห้องน้ำเวลาน้ำท่วมสูงก็เข้าลำบากมาก ต้องรอให้น้ำลงถึงจะเข้าได้ ส่วนที่บ้านของตน ก็ต้องตีแคร่นอนเหมือนกัน สามีของตนก็ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เวลาลูก ๆ ไปทำงานตนก็คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้สามี ทุกวันนี้ลำบากมาก เพราะน้ำท่วมนาน บ้านเริ่มผุพัง ทั้งฝาผนังและพื้นบ้าน

ถ้าเป็นไปได้ช่วงที่น้ำลดลงเป็นปกติแล้ว “….อยากได้ไม้มาซ่อมแซมบ้าน เพราะฝาผนังบ้านเป็นไม้อัด พอน้ำแห้งมันก็หลุดหายไปกับน้ำ ที่บ้านก็มีแต่ผู้หญิง ส่วนสามีก็ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะไปทำยังไง น้ำท่วมนานแล้ว ธรรมดาทุกปีน้ำจะไม่ท่วมนานขนาดนี้ ปีนี้กลับท่วมสูงเกือบจะเท่าปี 54 เลย….” นางมณี กล่าว.