เมื่อวันที่ 21 ต.ค. จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ จ่ากอง ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่งานป้องและกันปราบปราม สภ.ปากเกร็ด ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการเบิกจ่ายอาวุธปืนประจำกาย ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกปฏิบัติงานและประจำสถานีตำรวจกว่า 200 นาย พบทุจริตนำอาวุธปืนออกไปจำหน่ายและฝากจำนำ ทั้งปืนพกสั้น ปืนยาว ปืนปฏิบัติการ จำนวน 134 กระบอก มูลค่ารวมเกือบ 10 ล้านบาท

ต่อมาได้มีการขออนุมัติหมายศาลจับกุมตัวเมื่อวันที่ 17 ต.ค.65 ที่ผ่านมา พบว่า เจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดดังกล่าว ได้พยายามหลบหนีการติดตามจับกุมตัวของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งต่อมาพบกำลังหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไทย โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตามควบคุมตัวจับกุมไว้ได้ หลังกบดานอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้ชายแดน จ.หนองคาย พร้อมควบคุมตัวผู้กระทำความผิดขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วนเข้ากรุงเทพฯ สอบปากคำอย่างละเอียดต่างๆ ถึงขั้นตอนการนำอาวุธปืนออกและเอาไปจำนำหรือขายต่อให้บุคคลใดบ้าง

ล่าสุด พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ได้เซ็นคำสั่งที่ 292/65 ให้ พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด, พ.ต.ท.สุเนตร์ สีชำนาญ รอง ผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด, พ.ต.ท.พรรษา จิวรรักษ์ สว.อก.สภ.ปากเกร็ด ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 (ศปก.ภ.1) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

และมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยให้ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ช้างใหญ่ จ.พระนครศรีอยุธยา รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ปากเกร็ด, พ.ต.ท.สมภพ เชาว์เพชรไพโรจน์ รอง ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด, ร.ต.อ.พิชิต อิ่มโอชา รอง สว.อก.ภ.จ.นนทบุรี รักษาราชการแทน สว.อก.สภ.ปากเกร็ด พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง