เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงภาพรวมการตรวจสอบและเฝ้าระวังสายพันธุ์โรคโควิดในประเทศไทย หลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ โดยช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ส่งสิ่งส่งตรวจ 128 ตัวอย่าง เป็นตระกูลโอมิครอนทั้งหมด แตกลูกหลานหลายตัวส่วนใหญ่เป็น BA.5, BA.4 ตอนนี้องค์การอนามัยโลก ขอให้แต่ละประเทศมีการจับตาดูคือ BA.5, BA.2.75, BJ.1, BA.4.6 สำหรับ XBB เป็นลูกผสม BA.2.10.1 บวกกับ BA.2.75, BM1.1.1 และตัวสุดท้ายคือ BA.2.3.20

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า สำหรับโควิดกลายพันธุ์ XBB พบในไทย 2 ราย รายแรกเป็นหญิงต่างชาติ อายุ 60 ปี เดินทางมาจากฮ่องกง มาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ไม่มีอาการอะไรมาก หายปกติแล้ว รายที่ 2 เป็นคนไทย อายุ 49 ปี มาจากสิงคโปร์ อาการไม่มาก ไอ คัดจมูก หายป่วยแล้ว ดังนั้นเวลามีรายงานสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นขออย่าเพิ่งตกใจ เพราะยังไม่มีหลักฐานติดเชื้ออาการหนัก ส่วนที่สิงคโปร์ที่มีการรายงานคนติดโควิด XBB จำนวนมาก และมีคนอาการหนักมากขึ้น ก็เป็นไปตามสัดส่วนติดเชื้อมาก ก็มีอาการหนักเพิ่มขึ้น

ส่วนโควิดกลายพันธุ์ BF 7 หรือ BA 5.2.1 เป็นลูกหลานของสายพันธุ์ BA.5 ทั้งนี้ที่อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เจอในแล็บมากขึ้น มีรายงานว่า เป็นหนึ่งสายพันธุ์ที่จะแพร่เร็วกว่า เมื่อเทียบกับ BA ทั่วๆ ไป จึงต้องจับตา โดยสายพันธุ์นี้เจอในไทย 2 ราย รายแรกเป็นชายอายุ 16 ปี อยู่ใน กทม. ไม่เคยไปต่างประเทศ ส่วนรายที่ 2 เป็นบุคลากรการแพทย์อายุ 62 ปี ทำงานใน รพ. แล้วเกิดการติดเชื้อ แต่ไม่แน่ใจว่าติดจากใน รพ. หรือติดจากที่อื่น ทั้งคู่ไม่มีอาการรุนแรงใดๆ

“อย่าเพิ่งตกใจกลุ่มเหล่านี้เรียกเป็น โอมิครอนแฟมิลี่ พื้นฐานของตระกูลโอมิครอน คือ แพร่เร็ว แต่ไม่รุนแรง” นพ.ศุภกิจ กล่าวและว่า ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกรายงานว่าสายพันธุ์ที่หลบภูมิคุ้มกันมากสุดคือ XBB, BQ.1.1 และ BN.1 อย่างไรก็ตาม ขออย่ากังวลระบบการเฝ้าระวังของประเทศไทย ไม่มีหลุด แต่การดูแลสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ทำให้ตัวเองและสังคมโดยรวมปลอดภัย วันนี้ประเทศไทยทำมาตรการเหล่านี้มากกว่าประเทศอื่น ซึ่งเป็นไปได้ก็อยากให้ทำต่อไป ถือเป็นสุขอนามัยที่ดี

นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิดในไทยลดลงต่อเนื่อง ทั้งผู้ติดเชื้อป่วยหนัก เสียชีวิต โดยรอบสัปดาห์เสียชีวิต 53 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 และไม่ฉีดวัคซีน ส่วนอัตราครองเตียง 4.9% กลุ่มเสี่ยงปอดอักเสบ 2.2 พันราย ต่ำกว่าที่คาดการณ์ 2.9 พันราย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเรื่อยๆ ก็คาดว่าอาจจะมีผู้ป่วยนอน รพ.เพิ่มขึ้นได้ แต่การเสียชีวิตคาดว่าต่ำ เพราะการแพร่ระบาดคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล.