เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้นำรายชื่อประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารทางสาธารณสุขผิดพลาดจากรัฐบาลกว่า 700,000 คน ที่ได้ลงชื่อในแคมเปญของพรรคไทยสร้างไทย ในการร่วมฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 165 จากกรณีปล่อยปละละเลยเเละบริหารผิดพลาด จนเกิดการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด ถึง 4 ระลอก รวมทั้งบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ทำให้จํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนระบบสาธารณสุขปกติ ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจํานวนมากดังกล่าวได้

โดยวันนี้มีตัวเเทนพรรคไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมรายชื่อ และ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้จัดการประกวดเวทีนางงามชื่อดัง ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมเดินทางมายื่นฟ้องวันนี้ด้วย

นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า วันนี้ได้รวบรวมรายชื่อบุคคลที่รับผลกระทบจากการบริหารจัดการที่บ้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องขอบคุณพรรคไทยสร้างไทย ที่ได้ดำเนินการรวบรวมรายชื่อทั้ง 7 เเสนคน ทำให้ตนได้มีโอกาสนำความเดือดร้อนของประชาชนมาทวงความยุติธรรมต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งรายชื่อทั้ง7 เเสนคนจะอยู่ในสำนวนคดีทั้งหมด โดยในวันนี้จะยื่นฟ้องในความผิดฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ในฐานะที่นายกฯ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เป็นประธานของหลายหน่วยงานที่บริหารจัดการเรื่องโควิดในประเทศ

เมื่อถามเรื่องตอนนี้มีเเนวคิดการนิรโทษกรรมเกี่ยวกับบุคลากรจะมีผลกระทบต่อการฟ้องคดีในศาลหรือไม่

นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นคนละประเด็นกัน เพราะการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ออกเพื่อหาเเนวทางให้หมอและบุคลกรทางการแพทย์รวมถึงบุคลต่างๆ ในชั้นปฏิบัติงาน เราจึงไม่อยากโยงไปถึงกันเพราะเป็นคนละเรื่อง

ต่อมาภายหลังการยื่นฟ้องนายนรินท์พงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดี อท.117/2564 เเละศาลนัดฟังคำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้องวันที่ 30 ส.ค.นี้เวลา 09.00 น. ซึ่งถ้าศาลมีคำสั่งรับคดีขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการไต่สวนมูลฟ้องซึ่งเราเตรียมพยานเป็นผู้ได้รับผลกระทบขึ้นไต่สวน เพื่อให้ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาสืบพยานในชั้นพิจารณาคดีต่อไปหรือไม่ ตรงนี้ขั้นตอนจะมากกว่าการดำเนินคดีในศาลอาญาปกติ แต่สิ่งต่างๆ ที่ประชาชนเหล่านี้ได้รัยผลกระทบได้อยู่ในสำนวนที่ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ตั้งข้อสังเกตผ่านเฟซบุ๊กว่าประเด็นการฟ้องนายกฯ จะเป็นอำนาจศาลฎีกาฯ นักการเมืองหรือไม่

นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า นายเรืองไกรเป็นนักบัญชี ตนเป็นนักกฎหมาย มุมมองย่อมแตกต่างกันไป แต่การที่จะมาฟ้องคดีที่ศาลไหนไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือมีความเดือดร้อนของประชาชนมีจริงหรือไม่ ถ้าหากว่าการที่ตนมายื่นฟ้องคดีที่ศาลนี้ผิดต้นก็แค่ไปยื่นฟ้องคดีในศาลที่ถูกไม่เห็นเป็นเรื่องที่แปลก มุมมองของนายเรืองไกรจึงไม่ใช่บรรทัดฐาน ว่าเมื่อเราทำแล้วจะถูกหรือผิด แต่เมื่อเรามั่นใจในกระบวนการ ดุลพินิจเป็นของศาล

ด้านนายณวัฒน์ กล่าวว่า ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปล่อยปละละเลยในหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายกับตนค่อนข้างชัดเจน เพราะเพิ่งเป็นโควิด และต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาชีวิตเลือกอะไรไม่ได้เลยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เคยร้องขอวัคซีนจาก พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ เลขาฯ สมช. ตั้งแต่การประกวดมิสแกรนอินเตอร์เนชั่นแนล เนื่องจากมีนางงามภายในกองประกวดจากประเทศแอฟริกาติดโควิด ซึ่งเรารักษาเขาจนหาย แต่ก็ไม่ได้รับวัคซีน

อย่างไรก็ตาม ตนเป็นประชาชนชาวไทยที่เสียภาษีถูกต้องทุกอย่าง และเสียเยอะมาก แต่ต้องจองวัคซีน โมเดอร์นา 161 โด๊ส จาก โรงพยาบาลลาดพร้าว จ่ายเงินสดประมาณ 2 แสนกว่าบาท เพื่อดูแลตัวเองและดูแลพนักงาน จนป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าโมเดอร์นามาเมื่อไหร่ สอบถามโรงพยาบาลก่อนเดินทางมาศาล ทางโรงพยาบาลบอกว่าขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพราะยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน

“เราต้องถูกการกระทำที่ย่ำยีสิทธิที่เราควรจะมี เราเป็นประชาชนชาวไทย แต่ไม่ได้รับการดูแลเลย บอกเลยว่า การมีรัฐบาลหรือไม่มีรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่เป็นทั้งรัฐบาล และผู้ดูแลศูนย์โควิดทั้งหมดในประเทศไทย เราไม่เคยได้รับข้อมูลที่ชัดเจนว่าชีวิตเราจะปลอดภัยด้วยวิธีใด” นายณวัฒน์ กล่าว

นายณวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ได้รับผลกระทบ วัคซีนก็ต้องซื้อเอง SWAB ตัวเอง จ่ายครั้งละ 3,000 บาท ซึ่ง SWAB ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง เพราะทำงานในวงการบันเทิง ต้อง SWAB ทุก7-8 วัน นอกจากนี้ หน้ากาก เจลล้างมือ ก็ต้องซื้อเอง การเจ็บป่วยครั้งนี้ โชคดีที่ซื้อประกันไว้ ซึ่งรับผิดชอบเคลียร์ค่าใช้จ่ายไปแล้วส่วนหนึ่ง ยังมีบางส่วนที่ยังเคลียร์ไม่หมดเพราะตนหนีออกจากโรงพยาบาลก่อน และการรักษาพยาบาลตนถูกละเมิดจากแพทย์ซึ่งมีรสนิยมทางการเมืองที่แตกต่างกัน บันทึกเสียงตนไปปล่อย รวมถึงบันทึกภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน แต่ตอนนี้ตนยังไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ

เหตุการณ์การที่เกิดขึ้น ไม่มีความปลอดภัยใดๆ ในชีวิตตน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำใช้ชีวิตตนเปลี่ยนไป ทั้งการตัดสินใจลาออกจากงานในวงการบันเทิงที่ทำมากว่า 25 ปี มีรายรับต่อเดือนหลายล้านบาท เป็นผลกระทบโดยตรงจาก พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง ที่ทำให้หมดอาชีพการเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ซึ่งตนตัดสินใจขณะอยู่บนเตียงรักษาอาการป่วยโควิด และเราต้องรักตัวเอง โดยยอมสละทุกอย่างแล้ว อยากให้รัฐบาลดูแลเรามากกว่านี้ แต่ก็ไม่เห็นโอกาสความเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นไปได้ คนไทยจะไม่ตายข้างถนน ยอดผู้ติดเชื้อคงไม่สูงขึ้นทุกวัน จึงตัดสินใจฟ้อง นายกฯ ความผิดมาตรา 157 ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหาย.