เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ต.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เหลือเพียงถนนช่างอากาศอุทิศ หมู่บ้านการเคหะท่าทรายหลัง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ วงเวียนบางเขน และซอยรามอินทราเลขคี่ เมื่อวานฝนหนัก เขตหลักสี่ 160 มม. ต่อชั่วโมง/เขตบางนา 120 มม. ต่อชั่วโมง โชคดีที่พร่องน้ำไว้เยอะ ทำให้ระบายน้ำได้ดีเป็นที่น่าพอใจ โดยคลองเปรมประชากร ระดับน้ำสูง 1.40 เมตร ระบายออกแล้ว 15 ซม. ส่วนคลองลาดพร้าว ระดับน้ำสูง 1.20 เมตร บริเวณบางบัว และวงเวียนบางเขน

สำหรับสถานการณ์ฝนในวันนี้ 3-4 ชั่วโมงข้างหน้ายังไม่เห็นฝน แต่ประมาทไม่ได้ เพราะมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่าน กทม. โชคดีที่ลมไม่ได้ปะทะที่ กทม. หากมีฝน อาจจะไม่ได้แช่นานเหมือนเมื่อวานนี้ ขณะที่สถานการณ์น้ำเหนือดีขึ้นเล็กน้อย เพราะมีน้ำขึ้นน้ำลงแค่หนเดียวต่อวัน ทำให้ กทม. มีจังหวะดูดน้ำ

นายชัชชาติ กล่าวว่า ข้อผิดพลาดของ กทม. อยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ หลังจากนี้คงต้องบูรณาการกับกรมทางหลวง ในฐานะเจ้าของพื้นที่ และ จ.นนทบุรี โดยปัญหาที่พบมากสุดคือ การจราจร และรถเสีย เพราะประชาชนไม่ทราบสถานการณ์น้ำท่วม คงต้องปรับปรุงเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

ส่วนที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย เสนอให้ใช้แผ่นปิดปากท่อเพื่อช่วยระบายน้ำ กทม. ทำอยู่แล้ว แต่จุดใดที่ไม่มีจะทำเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์น้ำเหนือจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ นายชัชชาติ กล่าวว่า น้ำจากเขื่อนป่าสักฯ บางส่วนจะไหลมายัง กทม. ผ่านคลองระพีพัฒน์ การแบ่งน้ำคงต้องคุยกับกรมชลประทาน เพราะเป็นผู้ควบคุมเขื่อนพระราม 6 และประตูระบายน้ำปลายคลอง 13 ใจอยากให้ระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีกำลังรับมากกว่าประตูระบายน้ำปลายคลอง 13 อยู่ที่ 3,000 ลูกบาศ์กเมตร

ทั้งนี้ กทม. ยังปรับรูปแบบการเรียงกระสอบทราย นำกระสอบทรายไปวางตรงกล่องเหล็ก ที่มีลักษณะเป็นเหล็กถัก ทำให้กระสอบทรายมั่นคงขึ้น และเตรียมประสานกับกรมเจ้าท่า ปักธงเตือนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้กับเรือขนาดใหญ่ด้วย.