เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นี่เป็นภาพมุมสูงสถานการณ์น้ำท่วมตลาดสดพิมายเมืองใหม่ ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลังจากในพื้นที่อำเภอพิมาย มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ไหลทะลักเข้าท่วมตลาดสดพิมายเมืองใหม่ บขส.พิมาย สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา สาขาพิมาย โครงการบ้านเอื้ออาทรอำเภอพิมาย ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้ ซึ่งพื้นที่ตลาดสดพิมายเมืองใหม่ นับว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของ อ.พิมาย โดยประสบอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก อ่างเก็บน้ำลำฉมวก ใน ต.นิคม อ.พิมาย ได้เปิดประตูระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำลงสู่ปากคลอง ทำให้มวลน้ำทั้งหมดไหลเข้ามายังพื้นที่ตลาดสดพิมายเมืองใหม่ ประกอบกับ ปริมาณน้ำในล้ำน้ำมูลหนุนสูง จึงทำให้ปริมาณน้ำได้ไหลเอ่อล้นเข้าท่วมตลาดสดพิมายเมืองใหม่ในครั้งนี้

โดยทางเจ้าหน้าที่หน่วยทหารจากกองพันทหารช่าง ที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 กองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ยังคงเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่น้ำท่วม และเร่งเสริมกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมแหล่งโบราณสถานที่พื้นที่ ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอพิมายยังคงน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากพื้นที่อำเภอพิมาย เป็นพื้นที่รองรับปริมาณน้ำจากเขื่อนต่างๆ ใน จ.นครราชสีมา หลังมีการระบายน้ำออกทุกวัน ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ อ.พิมาย เพิ่มสูงขึ้น


นอกจากนี้จากอิทธิพลของพายุโนรู ทำให้เกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.บุรีรัมย์ ทำให้เกิดมวลน้ำสะสมไหลบ่าลงลำน้ำมาศเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้ระดับน้ำในลำมาศเพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งคลองปลายมาศ เข้าท่วมโดยรอบพื้นที่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 14 ต.หลุ่งตะเคียน อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะที่วัดบ้านหลุ่งตะเคียนมวลน้ำที่ไหลเชี่ยว ได้กัดเซาะกำแพงวัดทางด้านทิศใต้จนพังเสียหาย น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ภายในวัดอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก31 จุดห้วยแถลง ต้องเร่งขนกระสอบทรายปิดกั้นพื้นที่ ป้องกันทรัพย์สินของทางวัดได้รับความเสียหาย

ในขณะที่วัดบ้านหัวทะมวง ต.งิ้ว ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงพื้นศาลาการเปรียญ ที่คณะสงฆ์จำพรรษาอยู่ ซึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วมวัดในพื้นที่ อ.ห้วยแถลง พระสีหราชสมาจารมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้พระใบฎีกาศรัญญู ปภสฺสโร เจ้าอาวาสวัดโคกสะอาด อ.หินดาด นำสิ่งของจำเป็นเข้าตรวจเยี่ยมพร้อมติดตามสถานการณ์ของน้ำที่ท่วมขัง พร้อมทั้งแนะข้อปฏิบัติในช่วงเข้าพรรษา หลังจากพระสงฆ์เถรวาทอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือนตามที่พระวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น แต่หากมีเหตุจำเป็น ก็ไปค้างที่อื่นได้ ครั้งละไม่เกิน 7 วัน

ส่วนที่โรงเรียนบ้านหัวอ้อทะมวงสามัคคี อ.ห้วยแถลง ซึ่งอยู่ใกล้กัน ได้ถูกมวลน้ำที่ล้นตลิ่งจากลำมาศเข้าท่วมเต็มพื้นที่ภายในโรงเรียน จากการสอบถามนางสายตา คำสิงห์นอก ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า น้ำได้เริ่มเข้าท่วมพื้นที่ภายในโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนก็ได้ขนสิ่งของขึ้นไว้บนที่สูง ในขณะที่สื่อการเรียนการสอนและเอกสารประกอบการเรียนการสอนบางส่วน ก็ได้มีการหนุนให้อยู่สูงขึ้นไปจากพื้นห้องเรียน แต่ไม่คาดคิดว่าน้ำจะท่วมหนักขนาดนี้ โดยล่าสุดน้ำที่เข้าท่วมภายในโรงเรียนมีระดับประมาณ 1.5-2 เมตร ท่วมห้องเรียนชั้นล่างได้รับความเสียหายทั้งหมด ซึ่งจากการสอบผู้สูงอายุในหมู่บ้านก็ทำให้ทราบว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 มาจนถึงปัจจุบัน หรือประมาณ 63 ปี เพิ่งมีเหตุการณ์ในปีนี้ที่ถูกน้ำท่วมโรงเรียนหนักที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน และขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบปลายภาคเรียนที่ 1/2565 ทางคณะครูจะได้ประชุมหาแนวทางในการดำเนินการสอบต่อไปให้แล้วเสร็จ เพื่อลดผลกระทบกับนักเรียนในการเปิดเรียนภาคเรียนที่ 2/2565 หลังจากระดับน้ำลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะได้มีการเข้าประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อขอรับการช่วยเหลือจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาต่อไป

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาชุมพวง ได้นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์เข้าช่วยเหลือชาวบ้าน บ้านโนนทอง ต.ชุมพวง อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา หลังจากปริมาณน้ำจากลำน้ำมูลและลำน้ำมาศไหลมาสมทบกันในพื้นที่อำเภอชุมพวง ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมตลาดเทศบาลตำบลชุมพวง โรงเรียน และบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดกับลำน้ำมาศเป็นบริเวณกว้าง โดยทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัคหน่วยกู้ภัยสว่างเมตาชุมพวง ได้เร่งนำเรือท้องแบนเข้าขนย้ายรถจักรยานยนต์ และอพยพชาวบ้าน ที่ติดเกาะถูกน้ำท่วม 5 หลังคาเรือน ไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ เพราะระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ต้องใช้เรือท้องแบนเท่านั้น เพราะในจุดดังกล่าวมีกระแสน้ำที่ไหลแรงมาก

จากภาพจะเห็นว่า ชาวบ้านหลายคนต่างดีใจหลังเห็นทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนำเรือท้องแบนเข้าไปรับออกมาจากบ้านที่ถูกน้ำท่วม เพราะระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอชุมพวง นับว่าสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงมาก เพราะรับน้ำจากลำน้ำมูลในอำเภอพิมาย และรับน้ำจากลำน้ำมาศ ในอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ จึงทำให้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมสูงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หน่วยงานทหาร ฝ่ายปกครอง หน่วยกู้ภัยต่างๆ ในพื้นที่ ยังคงเร่งให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่เป็นการเร่งด่วน.