เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำ และเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทุกภัยที่ จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 4 ต.ค.65 ซึ่งในวันดังกล่าวจะตรงกับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะมีการเลื่อนการประชุม ครม. เป็นวันที่ 5 ต.ค.65

ขณะที่ในวันที่ 3 ต.ค. เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าร่วมการประชุมการบริหารจัดการน้ำ และการดูแลเยียวยาให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากตึกไทยคู่ฟ้า หรือเดินทางไปวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่กระทรวงมหาดไทย จากนั้นเวลา 14.30 น. น.ส.แอนเจลา เจน แม็กดอนัลด์ (H.E. Ms. Angela Jane Macdonald) เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล

ทางด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้วยการดำเนินงานตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งผลให้สหประชาชาติได้เปิดเผยผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 โดยไทยได้รับการปรับอันดับขึ้นในหลายดัชนี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้วางแนวทางสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ไทยก้าวเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ 

โดยองค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 หรือ UN E-Government Survey 2022 ที่จัดทำโดย สำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Department of Economic and Social Affairs – UN DESA) โดยจัดการประเมินทุก 2 ปี สำรวจจาก 193 ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ สำหรับประเทศไทย ผลการจัดอันดับครั้งนี้ พบว่าอันดับของประเทศไทยปรับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 55 จากอันดับที่ 57 ในปี 2563 ด้วยคะแนน 0.7660 ที่เพิ่มขึ้นจากปี2563 ที่อยู่ที่ 0.7565 คะแนน พร้อมกับได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มที่มีการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในระดับสูงมากโดยในภูมิภาคอาเซียน ไทยอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์ (อันดับที่ 12 ของโลก) และมาเลเซีย (อันดับที่ 53 ของโลก) ตามลำดับ

ในขณะที่ค่าดัชนีการมีส่วนร่วมอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Participation Index: EPI) ซึ่งประเมินการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการกำหนดทิศทางการทำงานของภาครัฐในปี 65 พบว่า ไทยได้รับการจัดให้อยู่อันดับที่ 18 ได้คะแนน 0.7841 จากทั้งหมด 193 ประเทศ ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2563 ซึ่งเคยอยู่ลำดับที่ 51 ถึง 33 อันดับ 

ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อได้ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาให้บริการประชาชน 477 วัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม หน่วยงานงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนจิตอาสาทุกๆ คน ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติงานให้บริการกระจายวัคซีนให้ประชาชน 3.3 ล้านคน รวมวัคซีนกว่า 6.5 ล้านโด๊ส

สำหรับจุดบริการวัคซีนนั้นประชาชนสามารถติดต่อรับวัคซีนในสถานบริการใกล้บ้าน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาล สถานพยาบาลเครือข่ายทุกจังหวัด โดยประชาชนเข้ารับวัคซีนได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมกันนี้ สถาบันโรคผิวหนังยังได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับบุคคลอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งรูปแบบจองคิวฉีดล่วงหน้าได้ที่ https://covid19.iod.go.th/vaccine  และลงทะเบียน ณ จุดฉีด (Walk in) ณ ห้องประชุมชั้น 20 สถาบันโรคผิวหนัง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้บริการในวันเสาร์ที่ 1, 8, 29 ต.ค. 65 เวลา 09.00-15.00 น. (ยกเว้นวันเสาร์ที่ 15 และวันที่ 22 ต.ค. งดบริการเนื่องจากเป็นวันหยุดยาว).