สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ว่า หลังการดำเนินการคว่ำบาตรไปแล้ว 6 รอบ นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน อียูยังคงต้องมีมติเอกฉันท์ตามกฎ ในการออกมาตรการคว่ำบาตรเพชรจากรัสเซีย กระนั้นเบลเยียม ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเมืองแอนต์เวิร์ป ศูนย์กลางการค้าเพชรขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เคยปฏิเสธมตินี้มาก่อน

โปแลนด์, ไอร์แลนด์, ลิทัวเนีย, เอสโตเนีย และลัตเวีย คือ 5 ประเทศ ที่เสนอให้มีห้ามนำเข้าเพชรจากรัสเซีย เพื่อแสดงการตอบโต้ ขณะที่ศูนย์เพชรโลกแอนต์เวิร์ป (เอดับเบิลยูดีซี) กล่าวว่า การคว่ำบาตรดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจหายไปราว 30% และเอื้อประโยชน์ต่อศูนย์กลางการค้าของคู่แข่ง อีกทั้งผู้ซื้อควรได้รับอนุญาตให้ตัดสินใจเองว่า พวกเขาต้องการอัญมณีของรัสเซียหรือไม่

แม้กระทรวงการต่างประเทศของเบลเยียม และตัวแทนทางการทูตของอียูจะไม่แสดงความเห็นตอบกลับ แต่เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ เดอ โกร ผู้นำเบลเยียม กล่าวในการประชุมเพชรระดับนานาชาติว่า คำสั่งห้ามดังกล่าวจะเป็น “การสูญเสียครั้งใหญ่” และสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมที่คิดเป็น 5% ของการส่งออกของเบลเยียม รวมถึงการรองรับงานอีกประมาณ 30,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อียูและนักการทูตคนหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเตรียมมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซียกล่าวว่า ขณะนี้เบลเยียมถูกคาดหวังให้ยกเลิกวีโต้ของตัวเองแล้ว.

เครดิตภาพ : REUTERS