เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปวัดพระพุทธบาทผาหนาม หมู่ 12 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน และวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม หมู่ 14 ต.นาทราย อ.ลี้ หลังรับทราบว่า วัดทั้ง 2 แห่ง มีพระเกจิอาจารย์หรือ 2 พระครูบา คือพระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทผาหนาม และพระครูบาชัยยะวงศาพัฒนา อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งพระทั้ง 2 รูป เป็นชาวปกาเกอะญอ คนเมืองและคนต่างชาติ ต่างศรัทธากันมาก สังขารของครูบาทั้ง 2 ซึ่งมรณภาพไปนับสิบปีแล้ว แต่สรีระกลับไม่เน่าเปื่อย เหมือนแค่คนกำลังนอนหลับอยู่เท่านั้น

โดยที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม เป็นที่เก็บสรีระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี บรรยากาศเงียบสงบด้านในศาลาพบร่างพระครูบา สภาพไม่เน่าเปื่อย ร่างกายสมบูรณ์คล้ายยังไม่มรณภาพ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น และเส้นเลือดยังอยู่ครบถ้วน ถูกบรรจุอยู่ในโลงแก้ว มีรูปปั้นของพระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี ตั้งอยู่ในศาลาที่เก็บสรีระด้วย ทั้งนี้ยิ่งมองพระครูอภิชัยขาวปี ยิ่งเหมือนพระเกจิที่กำลังนอนหลับ เหมือนว่าพร้อมจะตื่นได้ทุกเวลา ไม่เหมือนพระที่มรณภาพไปแล้วแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ที่วัดพระบาทห้วยต้ม พบร่างพระครูชัยยะวงศาพัฒนา ลักษณะกำลังนอนหลับอยู่ในโลงแก้วเช่นเดียวกัน ทั้งร่างถูกปิดด้วยทองเปลว ร่างกายเหมือนคนนอนหลับ และเมื่อพิจารณาร่าง สามารถเห็นฟัน ดวงตา เส้นเอ็น เส้นเลือด กระดูก ปรากฏชัดตามร่างกาย ตามผิวเนื้อได้อย่างชัดเจนมาก ในระหว่างอยู่ในวัดแห่งนี้มีชาวปกาเกอะญอ มากราบสรีระพระครูชัยยะวงศาพัฒนา ด้วยความเลื่อมใสอย่างต่อเนื่อง

พระสมชาย วชิรญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทผาหนาม และพระสงกรานต์ ปัญญาวชิโร รองเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทผาหนาม เปิดเผยว่า พระครูบาทั้ง 2 รูป ไม่เพียงแต่จะมรณะไปนานแล้วและสังขารไม่เน่าเปื่อยเท่านั้น แต่ยังมีความคล้ายคลึงกันอีกหลายอย่าง เริ่มจากพระทั้ง 2 รูป เป็นพระอาจารย์กับพระลูกศิษย์กัน โดยพระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี เป็นพระอาจารย์ของพระครูบาชัยยะวงศาพัฒนา พระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี มรณภาพไปเมื่อ 3 มี.ค. 2520 ขณะมีอายุ 88 ปี มรณภาพไป 45 ปีแล้ว ส่วนพระครูบาชัยยะวงศาพัฒนา มรณภาพไป 23-23 ปี คือ มรณภาพระหว่างที่กำลังอายุคือ 87-88 ปี

พระสมชาย และพระสงการนต์ เปิดเผยกันต่อไปว่า ทั้ง 2 รูปเป็นพระที่เคร่งครัดธรรมวินัย ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ฉันมื้อเดียวและไม่ฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตของทั้ง 2 ท่าน สาเหตุที่ทั้งพระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี กับพระครูบาชัยยะวงศาพัฒนา สังขารไม่เน่าเปื่อย นอกจากจะบำเพ็ญภาวนาเป็นประจำแล้ว ขณะมรณภาพ ลูกศิษย์ได้นำน้ำผึ้งรินใส่ปากท่านทั้งคู่ เพราะเชื่อว่าจะเป็นการช่วยรักษาร่างกายไม่ให้เน่าสลายไปตามธรรมชาติ เพื่อเก็บสรีระไว้กราบไหว้ รำลึกถึงคำสอน ซึ่งปรากฏว่าแม้จะผ่านมานับสิบปี สภาพร่างกายยังเหมือนตอนมีชีวิตอยู่อย่างเหลือเชื่อ ทั้งนี้ การนำน้ำผึ้งใส่ปากตอนเพิ่งจะเสียชีวิตได้ไม่นาน คนโบราณเชื่อกันว่า น้ำผึ้งจะช่วยรักษาสภาพร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อยได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญบารมีของผู้เสียชีวิตด้วย ว่ามีบุญมากน้อยแค่ไหน ร่างกายถึงจะไม่เน่า

พระสมชาย และพระสงกรานต์ เปิดเผยด้วยกันอีกว่า ชาวปกาเกอะญอ เคารพนับถือและศรัทธาพระทั้ง 2 รูปมาก โดยเฉพาะพระครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ชาวปกาเกอะญอ ยกย่องให้เป็นเทพเจ้าของพวกเขา จนเรียกกันกันติดปากว่า “เทพเจ้าแห่งกะเหรี่ยง” เพราะเป็นพระสงฆ์ที่สามารถทำให้ชาวปกาเกอะญอ เปลี่ยนจากการนับถือผีสางเทวดา หันมานับถือพุทธศาสนา หันมาเคร่งครัดปฏิบัติธรรมตามแบบอย่างของท่านมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งนี้เกิดจากการที่ท่านทำให้ชาวปกาเกอะญอเห็นเป็นแบบอย่าง ตั้งแต่การถือข้อวัตรที่เคร่งครัดตามธรรมวินัย พาชาวปกาเกอะญอรักษาศีล ทำบุญ ทำทาน และทำสมาธิภาวนาอย่างต่อเนื่องในตลอดชีวิตท่าน จนกระทั่งชาวปกาเกอะญอ พากันทำตามมาจนถึงทุกวันนี้.