“เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมฯ ดำเนินแผนยุทธศาสตร์การสร้างนักกีฬาจักรยานรุ่นใหม่ โดยใช้นโยบายการกระจายภารกิจไปยังศูนย์ฝึกกีฬาจักรยานในเครือของสมาคมฯ ซึ่งมีศูนย์ฝึกจักรยานภูมิภาคทั้งหมด 5 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์ฝึกฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ กองบิน 46 จ.พิษณุโลก, ศูนย์ฝึกฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย จ.ลพบุรี, ศูนย์ฝึก Prime19 จ.พะเยา, ศูนย์ฝึกฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ จ.เชียงใหม่ และศูนย์ฝึกฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ซีโน-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 10 ปี และประสบความสำเร็จในเป้าหมายแรก คือการสร้างนักกีฬาจักรยานรุ่นใหม่ขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากีฬาจักรยานของศูนย์ฝึกฯ ต่างๆ จะเริ่มเข้าสู่เฟสที่ 2 คือ การต่อยอดนักกีฬาจักรยานรุ่นใหม่ ให้มีศักยภาพสูงขึ้น สามารถก้าวขึ้นมาทดแทนนักกีฬาทีมชาติรุ่นพี่ได้อย่างไม่ขาดตอนต่อไปในอนาคต
สำหรับในห้วงเวลาต่อไป นับตั้งแต่ปี 2564 สมาคมฯ ก็จะจัดรูปแบบแคมป์เทรนนิ่งร่วมกัน สำหรับนักปั่นรุ่นยุวชนและเยาวชนที่มีแววโดดเด่นของแต่ละศูนย์ฝึก จะถูกคัดเลือกเข้ามาฝึกซ้อมร่วมกัน ทั้งนักกีฬาและผู้ฝึกสอน โดยมีผู้ฝึกสอนชั้นสูงของไทย ไม่ว่าจะเป็น นายวิสุทธิ์ กสิยะพัท และ ร้อยตำรวจเอก อดิศักดิ์ วรรณศรี ในประเภทถนนและลู่, เรืออากาศเอก สุภัทร ศรีไสว และ ร้อยตำรวจตรีหญิง กฤติกา ศิลาพัฒน์ ในประเภทเสือภูเขา, นายอัถร ไชยมาโย ในประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ รวมไปถึงบุคลากรกีฬาด้านอื่น ๆ ทั้งช่างซ่อมจักรยาน, นักวิทยาศาสตร์การกีฬา, นักกายภาพ เข้าไปสังเกตการณ์และให้คำแนะนำการฝึกซ้อมที่ถูกต้องเหมาะสมให้แก่นักกีฬาแต่ละคนในระหว่างที่เข้าแคมป์ เพื่อให้มีพัฒนาการเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะเริ่มเดินหน้าโครงการดังกล่าวประมาณกลางเดือน ก.ย. หรือต้นเดือน พ.ย.นี้ เพื่อรองรับการแข่งขันจักรยานประเภทลู่นานาชาติแทร็ค เอเชีย คัพ 2021 เป็นการนำร่อง
พล.อ.เดชา กล่าวต่อว่า โครงการแคมป์เทรนนิ่งของศูนย์ฝึกจักรยานทั่วประเทศดังกล่าว ในอนาคตกรณีที่อยู่ในห้วงเวลาเดียวกันกับการเก็บตัวฝึกซ้อมนักปั่นทีมชาติไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในมหกรรมกีฬาไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ หรือโอลิมปิกเกมส์ ก็อาจจะใช้สถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมทีมชาติไทย เป็นสถานที่จัดโครงการแคมป์เทรนนิ่ง เนื่องจากนักปั่นอนาคตของชาติและผู้ฝึกสอนจากศูนย์ฝึกฯ จะได้เข้าฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างศูนย์ นอกจากนี้ยังจะเป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสกับการฝึกซ้อมและการปฏิบัติของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ในระดับทีมชาติ ที่มีความเข้มข้นของการฝึกซ้อมสูงขึ้นไปกว่าการฝึกซ้อมและปฏิบัติในระดับภูมิภาค
“เป้าหมายหลักของโครงการ นอกจากเรื่องของการสร้างนักกีฬาระดับทีมชาติรุ่นใหม่แล้ว ยังจะสอดรับกับแนวทางการคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันรายการใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรายการของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) หลายต่อหลายรายการที่ต้องอาศัยคะแนนสะสมเพื่อควอลิฟายเข้าแข่งขันชิงแชมป์โลกประเภทต่างๆ รวมไปถึงการคัดเลือกโควตาโอลิมปิกเกมส์ ในแต่ละประเภท ที่ใช้ระบบคะแนนสะสมเป็นหลัก การที่มีนักกีฬาไทยสามารถเข้าร่วมการแข่งขันรายการนานาชาติมากขึ้น ก็จะทำให้โอกาสในการควอลิฟายโอลิมปิกเปิดกว้างมากขึ้น รวมถึงโอกาสในการประสบความสำเร็จการแข่งขันก็จะมีสูงขึ้น” นายกสองล้อไทย กล่าว