สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์ เมื่อวันอังคาร เรียกตัว นายเฉิน จื้อเฟย เอกอัครราชทูตจีนประจำลิทัวเนีย ให้เดินทางกลับจากกรุงวิลนีอุส "เป็นการด่วนที่สุด" และขอให้รัฐบาลลิทัวเนียเรียกตัวเอกอัครราชทูตของตัวเองกลับไปเช่นกัน
ทั้งนี้ การที่ลิทัวเนียเตรียมเปิด "สำนักงานผู้แทน" ภายใต้ชื่อ "ไต้หวัน" สะท้อนเจตนาเพิกเฉยต่อการแสดงความเห็นของรัฐบาลปักกิ่ง และผลกระทบสืบเนื่องในทางการเมืองระหว่างประเทศ อีกทั้งยั้งเป็นการบ่อนทำลายอธิปไตยของจีนอย่างร้ายแรง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งยังคงคาดหวังว่า ลิทัวเนียจะ "แก้ไขความผิดพลาด" ในเรื่องนี้
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลลิทัวเนียประกาศแผนการเตรียมเปิด "สำนักงานผู้แทนทางการทูต" เทียบเท่าสถานเอกอัครราชทูต ประจำกรุงไทเป เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากรัฐบาลปักกิ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง และเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางการลิทัวเนียยังประกาศบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 200,000 โด๊สให้แก่รัฐบาลไทเปด้วย
ขณะที่ นายโจเซฟ อู๋ รมว.การต่างประเทศของไต้หวัน ประกาศว่า รัฐบาลไทเปมีแผนการเปิด "สำนักงานผู้แทนทางการทูต" ที่ลิทัวเนีย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า แผนการจะเป็นความจริงเมื่อใด แต่เจ้าหน้าที่การทูตหมายเลขหนึ่งของไต้หวันกล่าวต่อไปด้วยว่า แผนการดังกล่าวเน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนด้านยุทธศาสตร์แถวหน้า ระหว่างลิทัวเนียกับไต้หวัน ในการปกป้อง "สถาบันทางประชาธิปไตย"
ปัจจุบัน มีเพียง 15 ประเทศเท่านั้น ที่ยังมีความสัมพันธ์ทางการทูต "ระดับปกติและเป็นทางการ" กับไต้หวัน หนึ่งในนั้นคือนครรัฐวาติกัน อนึ่ง รัฐบาลกายอานา ประเทศขนาดเล็กทางเหนือสุดของทวีปอเมริกาใต้ ยกเลิกข้อตกลงเปิดสำนักงานการทูตกับไต้หวัน เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างชัดเจน ด้านรัฐบาลไทเปประณามจีนอยู่เบื้องหลัง.

เครดิตภาพ : AP