เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงหลังเข้าฟังการชี้แจงขั้นตอนและกระบวนการผ่าพิสูจน์ศพน้องจีฮุน อายุ 7 ขวบ ที่เสียชีวิตภายในรถตู้โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังพ่อแม่ของน้องจีฮุนได้เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตว่า จากการเข้าฟังผลตรวจสอบไม่พบความผิดปกติหรือสิ่งที่เป็นสมมติฐานที่ตั้งไว้ว่าถูกฆาตกรรมหรือการทำร้ายร่างกาย แต่ผลการชันสูตรบ่งชี้ว่าเกิดอาการฮีทสโตรก หรือเกิดจากความร้อนในร่างกายมากเกินไป

ครอบครัวน้อง “จีฮุน”ขอความช่วยเหลือจากยธ.ผ่าพิสูจน์ซ้ำ หลังมีข้อสงสัยเพียบ

จากการดูกระบวนการขั้นตอนการผ่าของแพทย์นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้ดำเนินการ 5 ข้อ คือ การบันทึกเสื้อผ้า, การตรวจสภาพร่างกายลักษณะภายนอก, การบันทึกบาดแผลภายนอกร่างกาย, การเก็บวัตถุพยาน เช่น ตรวจเลือด ช่องคลอดทวารหนัก เล็บ ชิ้นเนื้อ เพื่อยืนยันผลการตรวจวินิจฉัยอาหารในกระเพาะ และข้อสุดท้ายคือการผ่าชันสูตรภายในร่างกายทั้งหมด โดยจากการดูพบว่ามีร่องรอยฟกช้ำตามแขนและใบหน้า ไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืนหรือรอยฟันหักรอยกระแทก โดยสภาพภายในของน้องจีฮุนแต่ละส่วนปกติอยู่

ทั้งนี้สรุปได้ว่าผลดังกล่าวน่าจะเกิดจากอาการฮีทสโตรก คือ อุณหภูมิในร่างกายสูงและเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนชุดนักเรียนมีร่องรอยเปอะเปื้อนฝุ่น เสื้อผ้ายับเพราะสภาพศพครั้งแรกมีการพับแขนเอาไว้เพราะเสื้อแขนยาว บริเวณแก้มซ้ายมีรอยถลอก เนื่องจากตอนพบศพนอนคว่ำหน้า จึงมีอาการเลือดตก มีแผลฟกช้ำปลายแขนด้านซ้ายและต้นแขนขวา หัวเข่าฟกช้ำทั้งสอง น่องมีรอยถลอก รวมประมาณ 9 บาดแผล เยื่อบุตาไม่พบเลือดออก ไม่มีรอยกระแทก ไม่มีร่องรอยการถูกบีบคอแต่อย่างใด ส่วนการผ่าภายในเปิดศีรษะไม่มีรอยกระทบกระแทก ปอดมีเลือดออกเป็นจุดๆ

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า ส่วนตัวพอใจผลการผ่าชันสูตรพลิกศพของนิติเวช โดยเฉพาะประเด็นการฆาตกรรมไม่ปรากฏร่องรอยการทำร้าย แพทย์ได้ทำการเปิดตาแบบเดียวกันกับคดีของแตงโม คือหลับตาปกติ ไม่มีอะไรซ่อนเร้นแต่อย่างใด เพราะไม่ได้มีแรงจูงใจที่จะกระทำ

ส่วนกรอบเวลาจากเดิม 40 วัน ได้ให้นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ สรุปผลเร็วขึ้นภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ พร้อมเร่งรัดผลจากตำรวจพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ให้ได้ผลเพื่อแก้ปัญหาและคลายปมสงสัย หากได้ครบหมดแล้วก็จะมอบหมายให้ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขรายงานผลให้กับครอบครัวน้องจีฮุนได้ทราบ คาดว่าภายใน 15 ก.ย.นี้ หลังจากนี้หากยังสงสัยก็จะเข้าสู่การผ่าชันสูตร 2 แต่เบื้องต้นครอบครัวบอกว่าถ้ากระทรวงยุติธรรมมาดูแล้วไม่พบความผิดปกติก็สามารถนำศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

ด้าน นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม ในฐานะคณะผู้สังเกตการณ์ร่วมได้อธิบายเพิ่มเติมของอาการฮีทสโตรก ว่า ในเด็กที่เสียชีวิตในรถมีจำนวนมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กจะทนความร้อนได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ หากนอนหลับก็จะเกิดอาการทางสมอง ชัก หมดสติ อวัยวะภายในต่างๆ ล้มเหลวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนบาดแผลฟกช้ำเกิดขึ้นตามแขนขาและหนังศีรษะเข้าได้กับบางตำแหน่งภายในรถ คาดว่าขณะมีอาการชักเกร็งทำให้แขนขาฟาดไปยังสิ่งแวดล้อมในรถ ส่วนจุดเลือดออกในปอดก็พบได้ในศพที่เกิดอาการฮีทสโตรกเช่นเดียวกัน แต่ยังต้องนำข้อมูลต่างๆ จาก พฐ. และพนักงานสอบสวนตรวจที่เกิดเหตุมาประกอบกัน.