จัดเป็นอีกหนึ่งชาวต่างชาติที่คลั่งไคล้หลงใหลในความเป็นไทย และมีหัวใจรักเพลงลูกทุ่ง สำหรับนักร้องหนุ่ม โจนัส แอนเดอร์สัน ที่ล่าสุดออกมาเปิดใจยอมรับในรายการโต๊ะหนูแหม่ม ว่าตัวเองเป็นนักร้องตกอับ ที่ผ่านมาต้องใช้เงินเก็บเพื่อประคองชีวิต แต่สุดท้ายก็ติดลบ จนคิดจะกลับบ้านเกิดไปอยู่สวีเดน

โจนัส เผยว่า “เรื่องตกอับพาดหัวซะแรงเลยนะ เอาเป็นว่าไม่ปฏิเสธดีกว่า ผมยอมรับได้ เพราะเราตกต่ำแค่ไหนมีทางเดียวคือขึ้น โควิดที่ผ่านมาไม่มีใครคาดการณ์ได้ และค่อนข้างที่จะหดหู่ทีเดียว พอใช้จ่ายเอาเงินเก็บมาใช้ก่อน เราไม่ได้วางแผนอะไรกับตรงนี้เลย อีกอย่างมันก็จะมีการซ้ำเติม นอกจากงานไม่มีทิศทางไหน การหารายได้มันก็ไม่มี มันก็หายไป และยังต้องมาอยู่บ้านคนเดียวมันก็ยิ่งซ้ำเติมตอกย้ำเข้าไปใหญ่ เงินเก็บหลักล้านก็มีติดลบบ้าง แต่ตอนนี้ก็เริ่มขยับขยายหาทางใช้คืนได้ ซึ่งก็ต้องมีการหยิบยืมได้บางส่วน แต่ที่ยืมมาก็คืนได้หมดแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนใหม่ได้ แต่เหนื่อยครับ ผมคิดว่ามันเป็นมหาลัยเรา เป็นสูตรใหม่สำหรับเรา เพราะว่าจากที่เราเคยสุด หนึ่งที่มันโอเคเรารู้แล้วว่ามันค่อนข้างเป็นมวยเกี่ยวกับการร้องเพลงทำเพลง แต่พอมาเจอวิกฤติที่เราไปต่อกับตรงนั้นไม่ได้ เราก็ต้องแอ๊คทีฟตัวเองมาฝึกตัวเองนอกเหนือจากพื้นฐานหลักที่เราทำมาเป็น 10 ปี”

“เราเครียดมากเลยครับพูดแบบไม่อายเลย มีการเสียน้ำตาลูกผู้ชายด้วย มันรู้สึกว่ามันตันจริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ พอรู้ว่ามีวิกฤติแล้วก็ขยับซ้ายขยับขวาก็ผิดพลาดไปหลายตัวด้วย บางอันเราก็ไปเสียเงินพลาดด้วยมันก็ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก แต่ก็ยอมกับมันไม่ได้เราก็ต้องหาทางไปให้ได้ เรื่องไม่กลับไปสวีเดน คือ ชาวสวีเดนก็จะมีสิทธิบางอย่างเกี่ยวกับสวัสดิการ ก็สารภาพว่าคิดเหมือนกันถ้าอีกหน่อยคงจะเก็บกระเป๋า เพราะสุดท้ายเราก็ต้องอยู่ได้อยู่รอด ก็มีแอบคิดอยู่ว่ามันใช่ไหม อยู่ไปก็เสียขวัญกำลังใจ แต่มันคิดไปได้แป๊บเดียวมันก็มีทางไปอยู่แล้ว ซึ่งมันจะมีสิ่งที่เข้ามาในชีวิตสร้างกำลังใจให้กับเราไปเรื่อยๆ สิ่งหนึ่งก็คือในช่วงของโควิดมันเป็นวันครบรอบ 20 ปีโจนัสในวงการบันเทิง ก็เกิดไอเดียว่าจะทำผลงานบางอย่าง ทำคอนเสิร์ตฉลองแต่ในเมื่อทำไม่ได้มันก็ต้องมีหาวิธีไป บังเอิญว่าเรามีจังหวะได้งานผลิตสื่อโฆษณาให้กับประเทศลาว ในเวลาเดียวกันเราก็มาทำเพลง 20 ปี โจนัสก็สามารถเซฟค่าใช้จ่ายในการเอาสองอย่างมาถ่ายเพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็รู้สึกว่ากำลังใจมาและตั้งฉายาใหม่ให้กับตัวเองว่าเป็นฝรั่งคลั่งไคล้”

โจนัส เผยต่อว่า “ส่วนตัวคิดว่าสถานการณ์โควิดมันจะย่ำแย่แค่ไหน แต่เราก็คงจะไม่อดตายในเมืองไทย เพราะคนไทยพร้อมที่จะต้อนรับและดูแล ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะต้องมาเป็นศิลปินในเมืองไทย แต่ผมเป็นคนชอบร้องเพลงชอบภาษา ผมก็ฝึกสองอย่าง ถึงว่าเป็นฝรั่งร้องเพลงไทยยากแล้ว แต่ผมมาเป็นฝรั่งที่ร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ถือว่าบังเอิญมากๆ ไม่ได้คิดว่าจะร้องเพลงลูกทุ่งได้แต่ตอนนั้นทางเจ้าภาพขอเพลงลูกทุ่งมา เราก็เลยแอบกังวลไม่น้อย แต่ก็ต้องเอาใจเจ้าภาพทำออกมาได้สำเร็จ ถามว่ามีสาวไทยขอนอนด้วยไหม คนไทยไม่ใช่สไตล์แบบนั้น คนไทยเป็นคนเรียบร้อย รักนวลสงวนตัว แต่ก็มีแอบชอบ แอบปิ๊ง แอบจีบนิดๆหน่อยๆ ส่งซิกมาแต่เราคิดว่ามันเป็นสังคมของความน่ารัก และยิ่งลูกทุ่งมันยิ่งชัดเจนว่า มันเป็นสังคมของความรักที่มีความจริงใจแล้วก็เป็นพี่เป็นน้องกัน”

“22 ปีในวงการเพลงให้ทุกสิ่งที่เป็นเราจนถึงทุกวันนี้ ให้โอกาสที่เราจะสามารถภาคภูมิใจสร้างประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ภูมิใจตรงที่ว่า คนไทยต้อนรับก็โอเคแล้ว แต่มันมีสื่อเมืองนอกที่จะมาทำข่าวด้วย ทำสกู๊ป ทำบทความดีๆ ในสำนักข่าวใหญ่ๆ ระดับโลก อันนี้คือสิ่งที่ผมภูมิใจ เพราะว่าผมคิดเสมอว่างานนี้ไม่ใช่งานที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างรายได้ สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง แต่มันเป็นการเปิดโอกาสและเชิดชูความเป็นไทยอย่างแท้จริง และนำเสนอความเป็นไทยสู่ตลาดสากล”.