สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ว่า ทางการแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปากีสถาน เร่งอพยพประชาชนมากกว่า 180,000 คน ในเขตชาร์ซัดดา เนื่องจากฝนตกหนักระลอกใหม่ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำคาบูลเอ่อล้นตลิ่ง และไหลบ่าเข้าท่วมเขตชุมชนอย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายให้กับถนนและสะพานหลายสาย


ขณะที่ กระทรวงความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศของปากีสถาน รายงานว่า พายุฝนฟ้าคะนองครั้งนี้ ซึ่งมีความรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และส่งผลให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เป็นวงกว้างในประเทศ ตั้งแต่เดือนที่แล้ว คร่าชีวิตประชาชนไปไม่ต่ำกว่า 900 ราย และมีผู้ได้รับผลกระทบอีกมากกว่า 33 ล้านคน หรือ 15% ของประชากรทั้งประเทศ


ทั้งนี้ แคว้นสินธุ์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของปากีสถาน ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยปริมาณน้ำฝนสะสมในเดือนนี้ มากกว่าค่าเฉลี่ยเดือนส.ค. ถึง 784% พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงจมอยู่ใต้ระดับน้ำท่วมสูง


อย่างไรก็ตาม การมอบความช่วยเหลือทั้งในด้านการเงิน และเพื่อการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในปากีสถาน ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากอุทกภัยครั้งนี้ ยังคงเป็นเรื่องยากลำบาก เนื่องจากรัฐบาลอิสลามาบัดจำเป็นต้องดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) ในการอนุมัติเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม


ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลตาลีบันซึ่งปกครองอัฟกานิสถาน รายงานว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 190 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน บ้านเรือนหลายพันหลังได้รับความเสียหาย อีกทั้งปศุสัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มตาลีบันยอมรับว่า ไม่สามารถบริหารจัดการวิกฤติครั้งนี้ได้เพียงลำพัง และขอความช่วยเหลือจากประชาคมโลกอย่างเร่งด่วน.

เครดิตภาพ : REUTERS