“มองไกล เห็นใกล้” เมื่อมาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาดหลายครั้งต้องถูกขับเคลื่อนด้วยคำด่าของประชาชน ดังเปิดมหรสพให้ทัวร์ลงในโซเชียลก่อนถึงคอยแก้ไขภายหลัง จึงไม่แปลกที่คนหาเช้ากินค่ำอย่างเราๆ จะเพลียจิตอยู่เป็นนิจ คล้ายอยู่ในความมืดมิดที่ไร้แสงดาว

เช่นเดียวกับซิงเกิ้ลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมา กระตุ้นต่อมน้ำลายให้แตกฟอง กับมาตรการบังคับให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้จำหน่ายกับผู้บริโภคให้ซื้อขาย หรือ สั่งซื้อได้เฉพาะผ่าน บริการขนส่งอาหาร (Food Delivery Service) เท่านั้น

ให้เหตุผลว่าเพื่อลดการติดต่อระหว่างผู้จำหน่ายกับผู้บริโภค ตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด

นั่นหมายความว่า หากประชาชนไปเดินห้าง แลกการ์ดหรือคูปองในศูนย์อาหารเสร็จแล้วต้องการซื้อกลับไปกินที่บ้านกับครอบครัวไม่สามารถทำได้ แต่จะทำได้ทันทีคือให้กดแอพพลิเคชั่นสั่งอาหารแล้วรอให้ไรเดอร์มาหยิบอาหารจากร้านมายื่นให้อีกทอดหนึ่ง  

ข้อกำหนดดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้การปฏิบัติจริงเป็นไปอย่างซ้ำซ้อน ซ้ำซาก และผ่านคนกลางอย่างไรเดอร์ให้ยุ่งยากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดข้อสงสัยว่าผู้ที่ออกข้อกำหนดนี้อาจจะกำลังเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพดิลิเวอรี่ในอีกทางหนึ่งหรือไม่ 

แม้ในมุมผู้ออกกฎอาจมองว่านี่การวิธีลดความแออัดระหว่างการรอซื้ออาหารจากร้านอาหาร แต่ในทางกลับกันการที่ต้องมานั่งรอไรเดอร์นำอาหารมาส่งให้ที่โต๊ะต่างหากที่อาจเป็นความเสี่ยงให้การระบาดเพิ่มมากขึ้น 

อย่าลืมว่าในห้างสรรพสินค้านอกจากร้านอาหารเหล่านี้แล้ว ยังมีร้านเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบดิลิเวอรี่อีกหลายร้าน อย่าง ร้านขายลูกชิ้นปิ้ง ร้านขายเครป ร้านไอศกรีม ร้านขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แซนด์วิช ฯลฯ ที่อยู่ตามซุ้มในชั้นต่างๆ ก็ต้องพลอยโดนหางเลข ซ้ำเติมผลกระทบให้หนักเข้าไปอีก เพราะไม่มีบริการสั่งจากแอพพลิเคชั่นดิลิเวอรี่ให้ไรเดอร์มาหยิบได้เหมือนผู้ประกอบการรายใหญ่  

ดังนั้น มาตรการดังกล่าวนอกจากไม่ได้เป็นการลดความแออัดตามที่กล่าวอ้าง ยังไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าในห้างสรรพสินค้าอีกด้วย จึงบอกไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายหลักของมาตรการนี้คืออะไร 

ท้ายที่สุดหวังว่าการออกมาตรการแบบคนเหงาไม่มีเพื่อนคุย หรือเรียกแขกเช่นนี้ นอกจากไม่เป็นมาตรการที่แสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ในบางแง่มุมเมื่อถูกทัวร์ลงแล้วเปลี่ยนแปลงเพราะเสียงด่า นั่นย่อมทำให้ความน่าเชื่อถือของ รัฐบาล และ ศบค. ที่ทุกวันนี้น้อยอยู่แล้ว น้อยลงไปอีก 

การจะออกมาตรการใด นอกจากจะไม่ใช่แค่ สักแต่คิด” ควรจะวิเคราะห์มาตรการนั้นด้วยความระมัดระวังและต้องรวดเร็วให้ทันกับสถานการณ์การระบาดที่พร้อมจะเปลี่ยนจากพื้นที่สีแดงเป็นสีแดงเข้มอยู่ทุกวัน 

หากไม่สามารถทำดังเช่นคำแนะนำที่ว่ามาได้  ก็หมายความว่าไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยสิ้นเชิง

หลง หลังลาย