ผ่านไปแล้วสำหรับ “ศึกซักฟอก” ครั้งสุดท้ายของ “รัฐบาลเรือเหล็ก” ท่ามกลางอุณหภูมิทางการเมืองที่ร้อนฉ่า จากยุทธการ “เด็ดหัวสอยนั่งร้าน” ของพรรคฝ่ายค้าน ที่ถูกตอบโต้ด้วยยุทธการพยัคฆ์ร้าย 008 รัฐมนตรี NO TIME TO DIE ของฝ่ายรัฐบาล
สะท้อนภาพ “สงครามน้ำลาย” ที่เปรอะไปทั้งห้องประชุมสภา จากวาทกรรมของแต่ละฝ่ายที่งัดออกมาซดกันแบบไม่มีใครยอมใคร จนเรียกได้ว่า “ฟัดกันเต็มสภา-ฟาดกันข้ามประเทศ” ไล่ตั้งแต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ฟาดฝ่ายค้านเป็น “นั่งร้านหัวขาด” ตีชิ่งไปไกลถึงดูไบ จนทำเอาคนพรรคเพื่อไทย ออกมาสวนหมัดให้วุ่น ถึงขั้นเย้ยว่าแค่เห็นแคนดิเดตเพื่อไทยก็หัวหด ขณะที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ก็แรงไม่แผ่วโต้เดือดเรื่องวัคซีนโควิด-19 “ขี้หมากองเดียว” ทำเอาเดือดไปถึง “โทนี่ วู้ดซัม” ทักษิณ ชินวัตร ต้องออกมาโต้กลับว่ากันแบบถึงพริกถึงขิง! ขณะที่นอกห้องประชุมก็คึกคักไม่แพ้กัน ทั้งการล็อบบี้เสียงโหวต การแจกกล้วยจนล้นสภา
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/07/1037404.jpg)
แม้ผลโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา รัฐบาลจะสามารถเอาตัวรอดไปได้ ขณะที่หัวใจหลักของรัฐบาลอย่าง “พี่น้อง 3 ป.” ยังคง NO TIME TO DIE ในเวทีการเมือง แต่สงครามครั้งสุดท้าย…ยังไม่จบ ทั้งนี้ก็คงจะต้องรอดูเอฟเฟกต์กันต่อไป ทั้งเรื่องการต่อยอดการอภิปรายไปนอกสภา ซึ่งฝ่ายค้านหมายหัวยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. สอบรัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในฝั่งรัฐบาลเอง เพราะยังมีโอกาสที่รัฐมนตรีบางคน จะร่วงตกเก้าอี้ด้วยเกมการเมืองในแต่ละพรรค ขณะที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลายคน เริ่มฟิตซ้อมเตรียมความพร้อมเป็นรัฐมนตรีให้เห็นบ้างแล้ว
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องอยู่ที่ “บิ๊กตู่” จะเลือกปรับ ครม. เพื่อ “พลิกเกม” ดึงคนดี-เด่น-ดัง มาช่วยทำให้คนไทยกลับมามีความหวังกับรัฐบาลชุดนี้ได้อีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของวาระของรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะจะเป็นจุดชี้ขาดเรื่องเรตติ้งของ “บิ๊กตู่-พรรคร่วมรัฐบาล” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บริบทการเมืองในอนาคต ก็ยังมี 3 ขยักสำคัญที่ต้องลุ้นระทึก ทั้ง ขยักแรก-กฎหมายลูก/กติกาเลือกตั้ง ที่จะต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วจะใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบหาร 100 หรือหาร 500 แม้เบื้องต้นสูตรหาร 500 จะได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากของรัฐสภาไปแล้ว แต่กระบวนการยังไม่จบ ทั้งในชั้นการพิจารณาในสภาเอง หรือในชั้นการวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ที่อาจจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/07/1036283.jpg)
ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ เองก็อาจจะมีการ “กลับลำ” สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อกันอีกรอบ! จากท่าทีของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ที่พูดชัดว่าสูตรหาร 500 น่าจะอยู่ไม่ได้ และจะมีปัญหาตามมาทีหลัง เพราะย้อนแย้งกัน และได้มีการพูดคุยกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคก้าวไกลบางคน ซึ่งเริ่มเห็นคล้อยตามกันแล้ว
ส่วน ขยักสอง-วาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ “บิ๊กตู่” ที่จะกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นในช่วงเดือน ส.ค.นี้ โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องชี้ขาดปัญหาทางกฎหมายว่าวาระการดำรงตำแหน่งของ “บิ๊กตู่” นับตั้งแต่เมื่อใด ซึ่งหากท้ายที่สุดมีข้อสรุปว่าเริ่มนับตั้งแต่ปี 2557 ก็จะเป็นอันว่าต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ กันโดยปริยาย ซึ่งจุดนี้อาจจะส่งผลทำให้พรรคร่วมรัฐบาลออกอาการระส่ำระสายได้ ในการหาคนมานั่งตำแหน่งนายกฯแทน “บิ๊กตู่” ว่าจะเป็นคนในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอ หรือจะหักดิบเลือกคนนอก
สุดท้าย ขยักสาม–การเตรียมตัวสู้ศึกเลือกตั้ง ซึ่งหากดูว่าไทม์ไลน์ที่ “พี่น้อง 3 ป.” ตั้งเป้าหมายไว้ ที่จะประคับประคอง “รัฐบาลเรือเหล็ก” ไปให้ถึงฝั่งฝัน คือการเป็นเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ในช่วงปลายปีนี้ หากนับอายุรัฐบาลจนถึงตอนนั้นแล้ว ก็เกือบครบเทอม ซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการยุบสภาก่อนหมดวาระในช่วงเดือน ม.ค. 2566 ก่อนที่จะเปิดศึกเลือกตั้งกันในเดือน มี.ค.2566
ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าในช่วงปลายปี จะเริ่มเห็นบรรยากาศการจัดทัพเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งของแต่ละพรรคคึกคักมากขึ้น เนื่องจากหากรัฐบาลชิงยุบสภา ตามกฎหมายมีการเปิดช่องให้ ส.ส.สังกัดพรรคใหม่ได้ใน 30 วัน ก่อน พ.ร.ฎ.เลือกตั้งบังคับใช้ ซึ่งในช่วงนั้นก็จะได้เห็นความชัดเจนของการ “ย้ายพรรค-เปลี่ยนขั้ว” ของ ส.ส.กันให้เห็นมากขึ้น
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/07/1037409.jpg)
โดยที่น่าจับตามองมากที่สุดหนีไม่พ้น พรรคภูมิใจไทย ที่มีแนวโน้มได้ ส.ส.งูเห่า จากพรรคอื่นเพิ่ม จนกลายเป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคงอยู่ในวังวนวิกฤติ และอาจจะถูกเพื่อตกปลาในบ่อเพื่อดึงไปสร้าง พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก็มีแนวโน้มที่พรรคประชาธิปัตย์ จะยังคงมีเลือดไหลซิบๆ อยู่ แม้จะมีความพยายามอุดรูรั่วด้วยการดึงคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงานกับพรรคมากขึ้น แต่ก็ต้องรอดูว่ากระดูกจะแข็งเท่ากับ ส.ส.รุ่นเก่าหรือไม่ พรรคพลังประชารัฐ ก็อาจจะมีการเดินเกม “แตกแบงก์พัน” เพื่อให้ได้ประโยชน์จากสูตรคำนวณ หาร 500 มากที่สุด
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย แม้ที่ผ่านมาออกอาการเลือดไหลซิบๆ จากกลุ่ม “งูเห่า” แต่แนวโน้มในช่วงการเตรียมทัพสู้ศึกเลือกตั้งคงจะไม่มีเลือดไหลเพิ่มจากเดิม เพราะ ส.ส.ชุดเดิมที่เป็น ส.ส.เขตกันทั้งหมด คงจะพยายามรักษาเก้าอี้ไว้ให้ได้มากที่สุด ขณะที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ก็มีโอกาสได้บวกเพิ่มจากกติตาใหม่ ไม่ใช่ปิดประตูตายเหมือนการเลือกตั้งปี 2562 นอกจากนั้นยังมีแนวคิดที่จะเตรียมเดินเกม “แตกแบงก์พัน” เพื่อเก็บตกคะแนนเสียงด้วยเช่นกัน ส่วน พรรคก้าวไกล ที่ถูกมองว่าอาจจะเป็นพรรคที่ได้ประโยชน์จากสูตรคำนวณหาร 500 มากที่สุด อาจจะกลายเป็นพรรคเนื้อหอม ที่ ส.ส.ต่างพรรคอยากย้ายเข้าอีกพรรคหนึ่ง
ดังนั้นหลังจากนี้ก็จะได้เห็นถึงแรงเหวี่ยง-แรงเขย่า ตัวผู้เล่นในเกมการเมืองกันยกใหญ่ ซึ่งก็จะทำให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ท้ายที่สุดแล้ว “ดีเอ็นเอการเมือง” ของแต่ละพรรคจะเป็นอย่างไร
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/07/1037406.jpg)
ทั้งนี้นอกจาก 3 ขยักข้างต้นแล้ว ก็ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นที่จะส่งผลต่ออุณหภูมิทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลด้วยเช่นกัน ทั้ง “วิกฤติโรคระบาด” ที่ล่าสุดไทยพบ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ซึ่งโอมิครอนสายพันธุ์ดังกล่าวมีการคาดว่าจะหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ก่อนได้ดี และดื้อต่อวัคซีน นอกจากนั้นยังพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายแรกแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดจนกลายเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ ขณะที่ปัญหาสำคัญที่รัฐบาลยังคงแก้ไม่ตกก็หนีไม่พ้น “วิกฤติเศรษฐกิจ” แม้ล่าสุด “บิ๊กตู่” จะเซ็นต์คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจฯ แต่รายชื่อกรรมการส่วนใหญ่ก็ยังเป็น “คนหน้าเก่า” ที่มีส่วนในการแก้ไขปัญหาอยู่ในปัจจุบันอยู่แล้ว ดังนั้นก็คงจะต้องรอดูกันว่าคณะกรรมการฯที่ตั้งขึ้นมาใหม่ จะสามารถเป็นที่พึ่งให้คนไทย “ฝากผีฝากไข้” ได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่?
สุดท้ายแล้วคงต้องรอดูกันว่า ในเวลาช่วง “โค้งสุดท้าย” ที่เหลืออยู่ “บิ๊กตู่-รัฐบาลเรือเหล็ก” จะสามารถฝ่าด้านสำคัญทางการเมืองที่เหลืออยู่ไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ และจะสามารถทำผลงานพลิกฟื้นวิกฤติศรัทธายื้อเรตติ้ง เพียงพอที่จะเอาชนะศึกเลือกตั้งในอนาคตได้หรือไม่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดูจากบริบท “สมการอำนาจ” ก็ยังมองภาพได้ค่อนข้างชัดเจนว่า หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ขั้วอำนาจพี่น้อง 3 ป.-ขั้วพรรคภูมิใจไทย-ขั้วพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงผนึกรวมกันแน่น รอเติมเสียงจาก ขั้ว 250 ส.ว. เพื่อหวัง “เข้าฮอส” ในเกมอำนาจกันอีกรอบ!