เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา (DCAT) หรือ ดีแคท จับมือ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในด้านการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ที่โรงแรมทาวน์อินทาวน์ โดยมี นพ.มีชัย อินวู๊ด ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา และ นายปรัชญา กีรนันท์ นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ร่วมจดปากกาลงนามในความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย
สำหรับวัตถุประสงค์ของการร่วมลงนามครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬา โดยยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ด้านวิชาการสารต้องห้ามทางการกีฬาระหว่างกัน รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนในการตรวจสอบสารต้องห้ามทางการกีฬาของสมาคม และยังเป็นการพัฒนาความรู้ของบุคลากรและนักกีฬาในสังกัดสมาคม เรื่องการควบคุมสารต้องห้าม การใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา
นพ.มีชัย อินวู๊ด กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันก่อนหน้านี้ว่า สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ตกเป็นจำเลยในเรื่องสารต้องห้ามทางการกีฬามาก่อน ทว่าเวลานี้สมาคมฯ และสำนักงานฯ ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ไปได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาหลังจากนี้ ดีแคทและสมาคมฯ ยังมีงานที่ต้องทำร่วมกันอีกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะกฎ กติกา และมารยาท ซับซ้อนขึ้น เราจึงตัดสินใจลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
“การลงนามฉบับนี้จะเป็นความร่วมมือในเรื่องที่สำนักงาน จะต้องไปตรวจสอบสารต้องห้าม ให้ความรู้นักกีฬา ส่วนสมาคมฯ จะต้องกำกับดูแลนักกีฬา สโมสรและผู้ฝึกสอน ซึ่งในตัวของข้อมูลเรื่องสารต้องห้ามในวงการกีฬาโลกเวลานี้ มีอัพเดทอยู่เรื่อยๆ และเปลี่ยนบ่อยมาก ดังนั้นหากเราไม่ทำงานใกล้ชิดกันก็อาจจะเกิดปัญหา นักกีฬาและสมาคมฯ อาจจะปรับตัวไม่ทัน ซึ่งข้อดีของการลงนามในครั้งนี้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงตรงนั้นไปและเอกสารต่างๆ ทั้งแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ก็จะสามารถตรวจสอบและเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น จากการที่เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ต่อตัวนักกีฬา สมาคมฯ และวงการกีฬาไทยด้วย”
“เราจะพยายามเน้นให้ความรู้มากๆ เพราะในสังคมโลกตอนนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้วจะช่วยในเรื่องของสารต้องห้ามมากกว่าติดตามลงไปตรวจ เพราะว่าจำนวนตัวอย่างที่จะเก็บเกินความสามารถกว่าทุกประเทศในโลก ดังนั้นหากจะตรวจให้ได้ผลจริงๆ ต้องตรวจนักกีฬาทุกคน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาลมาก ในทางกลับกันหากเราให้ความรู้ที่ถูกต้องว่าไม่ต้องใช้สารต้องห้าม นักกีฬาก็สามารถเก่งได้ ตรงนี้จะเป็นผลดีกับตัวนักกีฬาและวงการกีฬาที่ชัดเจนมากขึ้น โดยสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในความหวังเหรียญรางวัลของประเทศไทยและประสบปัญหามาก่อน ก็จะเป็นการนำร่องความร่วมระหว่างดีแคทกับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยด้วย” หมอมีชัย กล่าว
ทางด้าน นายปรัชญา กีรตินันท์ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือกับทางดีแคท นอกจากจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสมาคมฯ แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ความตั้งใจในการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาทุกรูปแบบ ไม่ให้เกิดขึ้นในวงการกีฬายกน้ำหนักไทย โดยสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ก็จะเข้ามาร่วมมือทั้งการให้ความรู้แก่นักกีฬา เจ้าหน้าที่ สโมสรต่างๆ รวมถึงจัดประมวลผล ติดตามผลการให้ความรู้ และให้คำปรึกษา เพื่อหาแนวทางร่วมในการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามอย่างใกล้ชิด ในห้วงระยะเวลาของสัญญายาว 5 ปีนี้อีกด้วย