ความเคลื่อนไหวของศึกมวยหญิงรอบรองฯ รุ่นไลต์เวต (60 กก.) “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดัน สาวอุดรฯ วัย 30 ปี พบ เคลลี แอนน์ แฮร์ริงตัน เต็ง 1 และมือ 1 ของรุ่นนี้ ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าที่เคยชนะคะแนน สุดาพร ในรอบชิงฯ มวยหญิงชิงแชมป์โลก ค.ศ. 2018  ที่อินเดีย มาแล้ว ครั้งนี้จึงเป็นการล้างตากันอีกครั้ง ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ โดย ผลงานในรอบแรก หรือรอบ 32 คน สุดาพร เอาชนะ มาเรีย โฆเซปาลาซิออส จากเอกวาดอร์ มาได้ 5-0 จากนั้นเข้ารอบ 2 ก็ทุบ ซิมรานจิต คาอูร์ จากอินเดีย 5-0 และต่อด้วยการเฉือน แคโรลีน ดูบัวส์ แชมป์ยูธโอลิมปิก 2018 จากสหราชอาณาจักร สุดระทึกใจ 3-2 ตุนเหรียญทองแดงไว้แล้ว

ขณะที่ แฮร์ริงตัน นัดแรกได้บาย เริ่มชกรอบ 16 คน เอาชนะ รีเบคกา นิโคลี จากอิตาลี ขาดลอย 5-0 จากนั้นก็มาทุบ อิมาเน เคลีฟ จากแอลจีเรีย ได้อีก 5-0 เช่นกันในรอบ 8 คนสุดท้าย ส่วนอีกคู่ที่จะชกรอบตัดเชือกเช่นกันก็คือ เบทริซ แฟร์เรยรา จากบราซิล กับ มิรา พ็อตโคเนน จากฟินแลนด์

 ซึ่งในช่วงเช้าของวันพุธที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้จัดการทีมนักชกไทย “บิ๊กชาย” นายสมชาย พูลสวัสดิ์ พร้อมด้วยสตาฟฟ์โค้ช “โค้ชแซม” กามนิตย์ นารีรักษ์, ชัยชุมพล ชำนาญมาก และ เพิกพึ่งปัญญา ได้นำ “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี ซ้อมแผนการชก รับมือ แฮร์ริงตัน โดย สุดาพร ได้มีการทบทวนเชิงชก และให้ชกลมเพื่อเรียกเหงื่อภายในหมู่บ้านนักกีฬา รวมถึงผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากกรำศึกมาเมื่อวันอังคาร จากนั้นได้มีการดูเทปการชกของ แฮร์ริงตัน ต่อด้วยการลงนวมซ้อมในช่วงบ่าย โดยจำลองการชกเหมือนอยู่ในสนามจริงกับ ใบสน มณีก้อน และจุฑามาศ จิตรพงศ์

“โค้ชแซม” เชื่อแผนดีมีลุ้น

ทางด้าน “โค้ชแซม” กามนิต นารีรักษ์ เปิดเผยว่า เทคนิคในการชกครั้งนี้ มาจากการซ้อมที่หนักและต่อเนื่อง ที่สำคัญก็คือ จะต้องเป็นการชกแบบ “โอลิมปิกสไตล์” ที่ต้องมีความจะแจ้งชัดเจน เท่ากับว่าพวกที่ขยันต่อย หรือต่อยเยอะแต่ว่าไร้สไตล์ ก็มีโอกาสแพ้ทันที จำแนกออกมาได้ 2 ข้อที่มีโอกาสแพ้ทันที 1.ชกไม่มีสไตล์ และ2.ทรงมวยไม่แข็ง เนื่องจากมวยไม่มีทรง รอดยาก ความสำคัญคือการชกจะต้องเน้นไปที่เป้าใหญ่ก่อนนั่นคือ ลำตัว นี่คือเป้าหลัก เท่ากับว่าโอลิมปิกครั้งนี้เน้นเป้าหลักที่ต้องชกคือลำตัวมากกว่าใบหน้า

ที่สำคัญนั้น “โค้ชแซม” ระบุว่า เมื่อเข้าไปชกเสร็จแล้ว ต้องรีบฉากออกมาทันที และห้ามฉากออกมาแบบถอยตรง ให้ฉากออกซ้ายขวา สมมุติจังหวะชกอยู่ทางซ้ายแล้วขยับออกทันที และสังเกตว่า ครั้งนี้เราจะไม่ไม่เข้าไปกอดเลย ยกเว้นนาทีฉุกเฉินเท่านั้น ถ้าหนีไม่ทันหรือคับขันจึงจะกอด เพราะมวยมันเปลี่ยนไปจากยุคก่อนอย่างสิ้นเชิงแล้ว เน้นในเรื่องแก้ทางทุกนัด ทุกยก โดยเฉพาะเกมสำคัญนัดนี้ เนื่องจาก แฮร์ริงตัน  ดีขึ้นเยอะมากจากเมื่อ 3 ปีก่อนที่เอาชนะ น้องแต้ว  โดยเฉพาะการเป็นนักกีฬาที่มีไอคิวสูง และสามารถเปลี่ยนการ์ดได้ด้วยอย่างว่องไว ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนจังหวะให้ดี และให้ทันท่วงที แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ต้องชิงจังหวะกันแบบทุกวินาที อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากแผนการชกที่ดี และ สุดาพร เป็นนักชกที่ประสบการณ์ ชั่วโมงบินสูง ควบคุมสมาธิดี แก้เกมและสถานการณ์บนเวทีดี มีลุ้นที่จะเอาชนะล้างตาได้สำเร็จ สภาพตอนนี้ สุดาพร พร้อมเต็มที่แล้วทุกด้าน

“น้องแต้ว” เผยไม่กดดันสู้เต็มที่

ด้าน “น้องแต้ว” ว่า ตอนนี้ไม่รู้สึกกดดันใด ๆ จะสู้เต็มที่ โฟกัสเป็นนัด ๆ ไป ส่วนตัวมีความมั่นใจ ขณะที่ “บิ๊กชาย” นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีมนักชกไทยชุดโตเกียวเกมส์ กล่าวว่า ตอนนี้ “น้องแต้ว” มีความพร้อมมาก ไม่เครียด ไม่กดดัน ตนเชื่อมือโค้ช เชื่อมือนักมวย ว่าจะผ่านไฟต์นี้ได้ โดยการชกรอบรองฯ ปรับเวลามาชกตั้งแต่เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นญี่ปุ่น

“บิ๊กต้อม” สั่งใส่เสื้อเหลืองเชียร์

สำหรับการชกที่สนามซูโม่ โกคิกุคัง อารีนา ที่ไม่ให้ผู้ชมเข้าสนาม แต่มีสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ และนักกีฬาเข้าสนามได้ ทาง “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาทีมชาติไทยชุดโตเกียวเกมส์ ได้ขอความร่วมมือให้ใส่เสื้อเหลืองสีมหามงคล ไปร่วมเชียร์ “น้องแต้ว” ในการชกนัดสำคัญครั้งนี้