เซปป์ แบลตเตอร์ อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ชาวสวิตเซอร์แลนด์ และ มิเชล พลาตินี อดีตรองประธาน ฟีฟ่า ชาวฝรั่งเศส พ้นมลทินจากข้อหาทุจริตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังศาลรอาญารัฐบาลกลางในมืองเบลลินโซนา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีคำตัดสินยกฟ้องคดีดังกล่าว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังคดีความยืดเยื้อมาอย่างยาวนานหลายปี
ก่อนหน้านี้ แบลตเตอร์ ถูกกล่าวหาว่าทุจริต จากกรณีจ่ายเงิน 2 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 1.6 ล้านปอนด์ (ราว 69.4 ล้านบาท) ให้กับ พลาตินี ในปี 2011 โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยระบุว่า การจ่ายเงินดังกล่าวเป็นการจ่ายค่าจ้างให้ตำนานแข้งทีมชาติฝรั่งเศส จากการทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับ ฟีฟ่า
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ซึ่งถูกแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลมาตั้งแต่ปี 2015 ขณะที่ศาลก็ได้เปิดการสอบสวนคดีดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2015 เช่นกัน ก่อนที่การพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้นเมื่อ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังการขึ้นให้การของโจทก์และจำเลยเป็นเวลา 11 วัน และศาลได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
พลาตินี วัย 67 ปี กล่าวหลังได้ฟังคำพิพากษาของศาล โดยระบุว่า “ผมอยากแสดงออกถึงความสุข สำหรับทุกคนที่รักผม เพราะในที่สุดความยุติธรรมก็ปรากฏ หลังผ่านช่วงเวลาแห่งการโกหกและเล่นไม่ซื่อมาตลอด 7 ปี สุดท้ายความจริงก็ปรากฏหลังการสอบสวนครั้งนี้ ซึ่งผมต้องขอขอบคุณคณะลูกขุนที่ตัดสินโดยไม่ถูกครอบงำใด ๆ ผมบอกเสมอว่า การต่อสู้ของผมคือการสู้กับความไม่ยุติธรรม และเกมแรกนี้ผมเป็นฝ่ายชนะ”
ด้าน แบลตเตอร์ วัย 86 ปี กล่าวหลังฟังคำพิพากษาว่า “ผมผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย เพราะในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ผมเจอแรงกดดันมาตลอด เพราะผมโดนศาลดำเนินการสอบสวน ตอนนี้คดีมันจบลงแล้ว ผมมีความสุขมาก และผมก็รู้สึกดีใจกับวงการฟุตบอลในระดับนานาชาติ มันคือความยุติธรรม แต่มันคือชัยชนะสำหรับผม”