จากกรณีเหตุทะเลาะวิวาทระหว่าง หนุ่มคู่กรณีกับ นายสุรศักดิ์ พุ่มโพธิงาม อายุ 58 ปี พ่อของ “ไวท์ ณวัชร์” ดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งภายหลังแม่ของดาราหนุ่มได้พยายามเข้าไปห้ามแต่กลับถูกคู่กรณีตบหน้าเข้าอย่างจัง เหตุเกิดวันที่ 30 ก.ค. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. บริเวณเชิงสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี หลังเกิดเหตุ นายสุรศักดิ์ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.พรรัตน์ คาบสมุทร์ สว.(สอบสวน) สภ.บางกรวย เพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. พนักงานสอบสวนได้เตรียมออกหมายเรียกตัว นายเอ (นามสมมุติ) คู่กรณีที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพ่อแม่ของ “ไวท์ ณวัชร์” แล้ว ทั้งยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากเจ้าของรถที่คู่กรณีนำไปขับอีกด้วย ขณะที่ นายสุรศักดิ์ พาครอบครัวเข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจบางกรวยอีกครั้ง โดยมีการมอบหลักฐานคลิปกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ เพื่อให้ดำเนินคดีกับคู่กรณีตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังเปิดเผยว่า
วันนี้มาให้ปากคำเพิ่มเติม เรื่องนี้ตนเองก็กังวลมาก ตามที่สื่อเองก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทางเราจะพยายามรวบรวมหลักฐานให้ดีที่สุด ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ ทางเขาไม่เคยติดต่อมาที่เราเลย ยืนยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นอีก เรื่องที่ว่าจะไปรับเงินค่าเสียหายแล้วจบ ๆ กันไป ตนว่ามันไม่ใช่ เรื่องค่าเสียหายยังไงเขาก็ต้องชดใช้อยู่แล้ว ถ้าหากเขาติดต่อมาเพื่อขอเจรจาก็ให้เป็นเรื่องของทนาย คืออยากให้เขาออกมาพูดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เห็นเขาบอกมีคลิปหน้ากล้องก็อยากให้เอาออกมาพวกเราจะได้รู้ทุกอย่าง
“..เขาอยู่หลังรถ กล้องของเขาต้องเห็นทุกอย่างตั้งแต่มาจี้ท้ายรถผม จนมาตบเข้ามาหารถผม ถ้าเขามีกล้องต้องเห็นตั้งแต่เขาถอยหลัง-เดินหน้า เขาเบรกให้ผมชนเขา เขาต้องมีคลิป อยากให้เขาเอาออกมาแสดงให้ดู ผมขับรถเส้นทางนี้ประจำ วันเกิดเหตุเขาขับจี้มา ผมก็พยายามขับหนีเหมือนกับในหนัง ตอนนั้นไปปาดหน้ารถเก๋งคันขาว คนขับบีบแตรใส่ ผมก็ขอโทษด้วย (ยกมือไหว้) ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ อยากให้พี่ผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีแดงลายสก๊อตที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ช่วยติดต่อมาที่ผม หรือตำรวจก็ได้ เพราะเขายังมาถามผมกับภรรยาเลยว่า รู้จักกันเหรอ ถ้าไม่รู้จัก ทำไมเขาถึงมาตบภรรยาคุณละ…” นายสุรศักดิ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ศิวัช กล่าวว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกครั้งที่หนึ่งให้คู่กรณีมาพบภายใน 10 วัน หากไม่มาก็จะออกหมายไปอีกเป็นครั้งที่สองและถ้าไม่มาคงต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนทางด้านคดีได้เตรียมแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกาย กับ ทำให้เสียทรัพย์ หากพบว่าเข้าข่ายความผิดอะไรเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งได้อีก ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามหน้าที่ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย.