เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร และน.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คู่ชีวิต พ.ศ. …. และร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. …ร่วมกันแถลงผลการประชุม

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวว่า แนวทางการพิจารณาจะพิจารณาทั้งหมด 4 ร่าง โดยแบ่งเป็น 2 คู่คือ ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต 2 ฉบับ และ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายเพ่ง และพาณิชย์ 2 ฉบับควบคู่กันไป ภายใต้หลักการว่าต้องไม่กระทบสิทธิของชายหญิงที่มีอยู่เดิม แต่ต้องส่งเสริมให้มากขึ้น และเพิ่มความครอบคลุมสำหรับทุกเพศ หรือสำหรับเพศเดียวกัน

นายแทนคุณ กล่าวว่า ส่วนของเนื้อหาที่มีการลงรายละเอียด เป็นการเตรียมรับความเปลี่ยนผ่านของสังคมที่มีความหลากหลายทางเพศไปจนถึงความไม่มีเพศเช่น การจะไม่มีคำเรียกนำหน้า นาย, นาง, นางสาว หรือจะไม่มีคำเรียกภรรยา สามี ซึ่งต้องคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นหรือสูญเสีย จำเป็นต้องมองให้ครบทุกด้าน ทั้งนี้ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับเสรีภาพที่จะได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ เพราะบางประเทศยังไม่ยอมรับในเรื่องความหลากหลายทางเพศ ซึ่ง กมธ.ฯ บางส่วนที่มาจากกระทรวงการต่างประเทศได้มาร่วมหารือเพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจ

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือกฎหมายฉบับนี้มีความก้าวหน้าแต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนผ่านบริบทใหญ่ของสังคม คือ คู่สมรส และคนอื่นที่เป็นประชากรหลักอีก 70 ล้านกว่าคนจะสามารถยอมรับหรือเข้าใจความหลากหลายในมิตินี้ได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้กฎหมายฉบับนี้ต้องถูกปัดตก หรือถูกฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งกมธ.ได้ถูกหยิบยกมาพูดคุยในที่ประชุมว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยตีความว่าไม่ขัด

นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของสามีภรรยา อีก 47 ฉบับที่ต้องแก้ไขเช่นกัน รวมถึงสิทธิในการจัดตั้งครอบครัวของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศว่า ในอนาคตผู้ชาย 1 คนอาจจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับบุตรได้ ซึ่งต้องดูว่าบริบทของสังคมในเวลานั้นจะสามารถยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงความทับซ้อนของกฎหมายว่าหากบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมายสมรสแล้วจะไปจดทะเบียนคู่ชีวิตกับอีกคนหนึ่งได้หรือไม่ และจะมีเงื่อนไขใดบ้างที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นยังมีการหารือเรื่องนิยามของความเป็นเพศ เพราะปัจจุบันนี้ในกลุ่ม LGBTQ+ ก็มีกลุ่มที่ไม่เป็นเพศอยู่เช่นกัน เช่นกลุ่มเอเซ็กชวล (Asexual) คือกลุ่มที่ไม่ต้องการให้ระบุเพศใด ซึ่งเป็นประเด็นที่ กมธ.ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน.