เมื่อวันที่ 26มิ.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงกำจัดมูลฝอยหนองแขม ภายหลังระบุว่า ปัจจุบัน กทม.สามารถจัดเก็บขยะได้วันละประมาณ 10,000 ตัน แบ่งเป็น นำไปกำจัดที่โรงกำจัดขยะอ่อนนุช 4,000 ตัน โรงกำจัดขยะหนองแขมประมาณ 3,500 ตัน และโรงกำจัดขยะสายไหม 2,000 – 2,500 ตัน ทั้งนี้ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านบริเวณโดยรอบโรงกำจัดขยะหนองแขมได้รับผลกระทบจากปัญหากลิ่นขยะ
อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่มายังโรงกำจัดขยะนั้น นายชัชชาติ ได้ถอดหน้ากากอนามัยออก เพื่อให้ได้รับรู้ถึงกลิ่นขยะว่ามีความรุนแรงอย่างไร ซึ่งได้กล่าวในประเด็นนี้ว่า วันนี้กลิ่นไม่ได้แรงมาก อาจเป็นเพราะว่า ขยะเข้ามาช่วงเช้า ประกอบกับทิศทางลม โดยได้กำชับสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.)ดูแลใน 2 มิติ คือ เรื่องค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ สัญญาระยะยาว 20 ปี ต้องดูแลให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดไม่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน แต่เราหวังว่า กทม.จะทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชนเต็มที่ เรื่องที่ 2 คือ เรื่องมลภาวะสิ่งแวดล้อม การสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ประชาชน ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร ในอนาคตหากเราไม่ใช้พื้นที่ของโรงกำจัดขยะหนองแขมขนาด 300 ไร่ เป็นที่ฝังกลบ น่าจะเปลี่ยนพื้นที่เป็นสวนสาธารณะ หรือพื้นที่สาธารณะที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้ ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งในโครงการปลูกป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้พยายามอธิบายการทำงานของโรงขยะว่า เมื่อรถขยะขนขยะไปทิ้งแล้วจะมีการบีบอัดขยะ ซึ่งนายชัชชาติแย้งว่า เห็นว่ามีข่าวว่าไม่ได้ใช้เลยหลังจากผ่านไป 10 ปี โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าที่สายไหมมีการใช้อยู่ ทำให้นายชัชชาติกล่าวว่า กทม.บางทีซื้อของมาหลายล้าน และเมื่อถามว่ารถแทร็กเตอร์ซื้อมากี่ล้าน ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด ทำให้นายชัชชาติกล่าวตัดบทว่า การ compressed หรือ บีบอัดขยะนั้น ช่วยให้การขนส่งน้อยลง ประสิทธิ์ภาพการขนส่งเพิ่มขึ้น แต่เห็นเขามีรายงานมาว่าไม่ได้ใช้ ก็ปล่อยทิ้งไว้ที่สายไหมเป็น 10 ปี ต้องขอฝากนะครับเพราะมันไม่ใช่ของฟรี เป็นเงินภาษีพี่น้องประชาชน
จากนั้นนายชัชชาติ ได้กล่าวว่า ทุกวันจะมีขยะมาโรงขยะหนองแขม 3,500 ตัน โดยพื้นที่หนองแขมจะมีโรงเผาขยะได้วันละ 1,500 ตัน มีค่ากำจัดตันละ 970 บาท ตกเดือนละ 500,000 บาท ปีละ 180 ล้านบาท ส่วนขยะที่เหลือ เอาไปฝังกลบที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยใส่รถบรรทุกไปวันละประมาณ 1,000 เที่ยว ตนมองว่าการกำจัดขยะแบบฟังกลบในอนาคตจะไม่ยั่งยืน เนื่องจากติดอุปสรรคเรื่องการขนส่ง รวมถึงมลพิษ อาจจะทำเตาเผา แต่ตอนนี้ก็ยังติดปัญหา ทำให้ตั้งโรงเผาไม่ได้.
