เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนเป็นความสำคัญอันดับต้นในการป้องกันโรค ที่ได้รับวัคซีนจำนวนมากตั้งแต่ 7 มิ.ย.เป็นต้นมา ได้รับวัคซีนจำนวนมาก ตอนนี้มีหลายพื้นที่กำลังเร่งรัดฉีดวัคซีนที่กระจายไป โดยสรุปในส่วนของผู้สูงอายุ 23% ยังน้อยกว่ากลุ่มอื่นเกือบ 1 ใน 4 ดังนั้นยังต้องเร่งรัดฉีดกลุ่มนี้ให้มากขึ้น ทั้งนี้ใน กทม. ช่วงเดือน ก.ค.ผู้สูงอายุใน กทม.ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นด้วยการจัดลำดับความสำคัญใหม่ ให้ผู้สูงอายุเข้าถึงวัคซีนง่าย สะดวก ทำให้ฉีดกลุ่มนี้ได้ครอบคลุมในพื้นที่ กทม. อยู่ที่ 83.41% เดือนนี้ยังฉีดต่อเนื่องจากปริมาณวัคซีนลดลงอยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านโด๊ส และเร่งกระจายฉีดพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นเพราะมีความเสี่ยงติดเชื้อจากการแพร่ระบาดที่เริ่มกระจายไปในต่างจังหวัด โดยรวมเดือนนี้จะกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัดประมาณ 10 ล้านโด๊สขึ้นไปทั้ งซิโนแวค แอสตราเซเนกา และไฟเซอร์
ทั้งนี้ในพื้นที่ต่างจังหวัด ในสัดส่วนนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร เปอร์เซ็นต์การฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ อยู่ในช่วงที่ 20-40% จังหวัดถัดมา คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สมุทรปราการ เป็นจังหวัดที่มีการระบาดเพิ่มขึ้น ดังนั้นวัคซีนที่ส่งแต่ละสัปดาห์ ตกสัปดาห์ละประมาณ 1-2 ล้านโด๊ส ทั้งซิโนแวค และแอสตราฯ ซึ่งตอนนี้ทุกกลุ่มอายุสามารถฉีดซิโนแวคนำ และตามด้วยแอสตราฯ ใน 3 สัปดาห์ต่อมา อีกส่วนหนึ่งเป็นจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ซึ่งยังมีเปอร์เซ็นต์การฉีดวัคซีนยังต่ำอยู่ เพราะช่วงที่ผ่านมาได้รับการจัดสรรวัคซีนในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยกว่า แต่เมื่อมีสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น วัคซีนที่จัดสรรก็จะมากขึ้น และเร่งรัดการฉีดให้กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น คงใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ที่มาไทย 1,503,450 โด๊ส วัคซีนส่งมาในภาวะแช่แข็ง -70 องศาเซลเซียส เวลาส่งต้องลงในถาดขนส่งวัคซีน ปกติจะส่งลงล็อก ประมาณ 1,170 โด๊สต่อถาด สุดท้ายจึงมาที่ 1,503,450 โด๊ส เป็นตัวเลขที่ถูกต้อง สอดคล้องกับตัวเลขที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์จากสถานทูตสหรัฐอเมริกา หากท่านใดได้ตัวเลขที่ต่างจากนี้ก็เป็นตัวเลขที่ไม่ถูกต้อง ส่วนรายละเอียดการจัดสรรนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้มีการแถลงข่าวไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทั้งนี้ปัจจุบันจากฐานข้อมูลพบบุคลากรการแพทย์ประมาณ 20% ฉีดวัคซีนแอสตราฯ กระตุ้นไปแล้ว เพราะทำงานเสี่ยง ส่วนที่เหลือก็รับตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดคือผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เด็ก 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ซึ่งจะมีกุมารแพทย์พิจารณาความเหมาะสม นักเรียน ผู้เดินทางไปต่างประเทศ และคนต่างชาติในไทย ซึ่งเน้นคนสูงอายุ คนมีโรคประจำตัว
ส่วน 5 พันโด๊สเอาไว้ศึกษาการฉีดวัคซีน เช่นการฉีดวัคซีนสลับชนิด จะดูว่ามีภูมิคุ้มกันสูงระดับใด เหมือนหรือแตกต่างจากการฉีดในต่างประเทศ หรือมีประสิทธิภาพในการป้องกัน ลดการตดเชื้อ ลดจำนวนเชื้อในทางเดินหายใจ หรือลดการป่วยหนักและเสียชีวิตระดับใด ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการวิจัยในคนแล้ว และอีกส่วนหนึ่ง ประมาณ 3 พันกว่าโด๊ส กันไว้สำหรับพื้นที่ระบาดใหม่ ที่ไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ เช่นพื้นที่พบการติดเชื้อสายพันธุ์เบตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีผลต่อภูมิคุ้มกันของคนที่ฉีดซิโนแวค และแอสตราฯ
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ผ่านมาจากฐานข้อมูลบุคลากรการแพทย์ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 แล้วประมาณ 20% และมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ฉีดเป็นกลุ่มจบใหม่ และคนที่มีภาวะเจ็บป่วย อย่างไรก็ตามการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ในบุคลากรการแพทย์ จะทยอยส่งในวันที่ 3 ส.ค.นี้ ทุกจังหวัด แต่อาจจะไม่พร้อมกันเพราะการส่งต้องส่งเป็นถาด ถาดละ 1,170 โด๊ส ในอุณหภูมิติดลบ และเก็บในตู้เย็นที่ รพ.จังหวัดหรือ รพ.อำเภอใหญ่ๆ แล้วหน่วยงานสาธารณสุข และ รพ.จะรวบรวมรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่แสดงความประสงค์ไว้ ขณะนี้ได้ตัวเลขมาส่วนใหญ่แล้ว 1 ขวดฉีดได้ 6 คน เมื่อเปิดใช้แล้วต้องฉีดให้ครบจำนวน จึงต้องมีการวางแผนและกำหนดสถานที่ฉีดเหมะสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดการสูญเสีย สำหรับพื้นที่ กทม. กรมควบคุมโรคประสานสำนักอนามัย กทม. เพื่อส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปให้ รพ.ทั้งรัฐและเอกชนที่กำหนดเพื่อฉีดให้บุคลากรด่านหน้าให้ทั่วถึงที่สุด ทั้งนี้ขอให้ รพ.ทุกแห่งแสดง หรือประกาศจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับไฟเซอร์ต่อสาธารณชนเพื่อความโปร่งใส และเพื่อให้ทราบว่าได้รับไปเท่าไหร่ ขาดเท่าไหร่ สร้างความมั่นใจให้บุคลากรด่านหน้าทุกคนที่ต้องการฉีดวัคซีนจะได้ฉีดครบ สร้างความปลอดภัยและสร้างขวัญกำลังใจต่อไป.