หลังจากที่ ประเทศจีน ขอสละสิทธิการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2023 รอบสุดท้าย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) จะต้องหาเจ้าภาพมาแทน โดยขณะนี้ได้ครบ 24 ทีมที่จะร่วมแข่งขันแล้ว รวมทั้ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ด้วย

โดยล่าสุด รายงานข่าวระบุว่า มีชาติที่เสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ 5 ชาติ คือ ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, กาตาร์ รวมทั้ง อินโดนีเซีย โดยในส่วนของ กาตาร์ ที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปลายปีนี้ หากได้รับเลือกจากเอเอฟซี จะขอเลื่อนจัดเอเชี่ยนคัพ ไปเดือน ม.ค. 2024 ขณะที่ ญี่ปุ่น กับ เกาหลีใต้ อาจขอเป็นเจ้าภาพร่วม ทั้งนี้ประเทศที่สนใจสามารถยื่นสมัครได้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.

งานใหญ่ล่าสุดที่เป็นเจ้าภาพ ศึก 23 ปี เอเชีย 2020

ในส่วนของประเทศไทยกับคำถามที่ว่าจะสนใจจะร่วมวงขอเป็นเจ้าภาพหรือไม่ เรื่องนี้ “กีฬาเดลินิวส์” สอบถาม “เลขาฯ โจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้รับคำตอบว่าจะไม่เสนอตัวลุ้นจัดศึกใหญ่เอเชียครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่า จากเกณ์ที่ เอเอฟซี ส่งมา ไทยไม่จำเป็นต้องยื่นเลย เพราะหลายเรื่องไม่ถึงเกณฑ์ของ เอเชี่ยนคัพ ซึ่งถือว่าเป็นน้องๆ ของฟุตบอลโลก ที่ตั้งเกณฑ์ไว้สูงมาก เช่นสนามซ้อมก็ต้องมีที่มาตรฐานเท่าจำนวนทีม คือ 24 ทีม สนามแข่ง รอบแบ่งกลุ่ม ต้องจุ 25,000 คน ไฟ 2,500 ลักซ์ และหากผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ต้องความจุ 40,000-50,000 คน ซึ่งไทยมีไม่เพียงพอ นอกจากนี้ หากจะเสนอตัวก็ต้องให้รัฐบาลทำหนังสือการันตี ซึ่งเกี่ยวพันกับหลายกระทรวง เช่นเรื่องภาษีของผู้มาทำงาน

“เราอาจจะเคยเป็นเจ้าภาพ ศึก 23 ปี เอเชียมาแล้ว แต่รายการนั้นมี 4 กลุ่ม 16 ทีม และเกณฑ์ด้านอื่น เมื่อมาเทียบกับเอเชี่ยนคัพ ก็จะดีดไปเยอะ ซึ่งไทยเรามีไม่ถึงตรงนั้น” นายพาทิศ กล่าว

ส่วนกรณี บาห์เรน ถอนตัวเป็นเจ้าภาพศึกฟุตบอลอายุไม่เกิน 17 ปี ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ปี 2023 นั้น นายพาทิศ กล่าวว่า เอเอฟซี ส่งหนังสือยืนยันมาแล้ว ส่วนไทยจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพแทนหรือไม่นั้น ต้องรอดูเกณฑ์ของเอเอฟซีก่อนแล้วจึงตัดสินใจ.