มาโน โพลกิง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย มั่นใจ ช้างศึก จะแกร่งขึ้นแน่นอน ในศึกเอเชี่ยนคัพ รอบสุดท้าย ที่จะแข่งปีหน้า
ทีมชาติไทย เตะส่งท้ายรอบคัดเลือก กลุ่ม C แพ้ อุซเบกิสถาน 0-2 เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่เมืองนามังกัน ประเทศอุซเบกิสถาน แต่ 6 แต้ม ที่ตุนไว้ก็ยังดีพอจะทำให้เข้ารอบ 24 ทีมสุดท้าย
หลังเกม มาโน กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของ อุซเบกิสถาน เป็นทีมที่ดี และสมควรเป็นผู้ชนะในวันนี้
“สิ่งสำคัญสำหรับเราคือการได้เรียนรู้ว่า เรามีเวลาหนึ่งปีที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นก่อนถึงการเล่น เอเชี่ยนคัพ ในปีหน้า เราต้องนำทุกสิ่งที่เรียนรู้จากเกมนี้ไปพัฒนาให้แกร่งกว่าเดิม โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากเกมรุกเป็นรับ ซึ่งเราโดนทีมแกร่งอย่าง อุซเบกิสถาน โต้กลับเร็วหลายจังหวะ”
“เรารู้อยู่แล้วว่า จะเป็นเกมที่ยากสำหรับเรา แต่พวกเราก็สู้เต็มที่พยายามทำให้ดีที่สุด เล่นในเกมของเรา เขามีบอลยาว ซึ่งได้เปรียบผู้เล่นที่รูปร่างสูงใหญ่ดีกว่าเรา ก็หวังว่า ปีหน้าเราจะแก้ไขให้ดีกว่าเดิมที่จะเจอทีมที่แข็งแกร่งกว่าเราในเอเชี่ยนคัพ ปีหน้า”
“ส่วนเกมรุกผมมองว่า เราทำได้ดีกว่านี้ แต่ต้องไม่ลืมว่าเป้าหมายที่ชัดเจนของเราคือการเข้ารอบสุดท้าย ซึ่งเราทำสำเร็จไปแล้วก่อนถึงเกมนี้ ซึ่งเราจะนำข้อผิดพลาดไปพัฒนาต่อไป โดยในปีหน้าเราจะได้ผู้เล่นหลักๆ 12 คน กลับมาที่จะช่วยให้แข็งแกร่งกว่าเดิม”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการประกบ เอลมาร์ โชมูโรดอฟ กองหน้า จาก โรมา มาโน โพลกิง กล่าวว่า “รวมถึงผู้เล่นเบอร์ 10 เป็นนักเตะที่อันตราย เราพยายามหยุดเขาในเกมนี้ แต่เรายังต้องแก้ไขในการเปลี่ยนจากเกมรุกเป็นรับให้ดีกว่าเดิม เขาเป็นนักเตะที่มีคุณภาพ มีความเร็วสร้างความเสียหายให้เราได้”
มาโน กล่าวถึงการที่ทีมไทย เปลี่ยนผู้เล่น 4 คนหลังจบครึ่งแรก คือ ปกรณ์ เปรมภักดิ์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ก็เพราะยังไม่ดีพอ ต้องขอชมผู้เล่นทั้ง 4 คน ที่ลงไปทำได้ดี แก้ไขเกมได้ดีกว่าในครึ่งแรก
“เราไม่อยากนำเรื่องเวลาการเตรียมทีมที่น้อยมาเป็นข้อแก้ตัว แต่จากนี้เราต้องนั่งคุยกันทุกฝ่ายเพื่อหาทางให้มีเวลาเตรียมทีมที่ดี แก้ไข และวางแผนที่ดีเพื่ออนาคตของทีมชาติไทย ซึ่งเรายังมีเวลา”