เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้ใช้งาน tiktok รายหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 1 นาที 20 วินาที ระบุว่า โดนไล่ยิงขณะจับรถกลางดึก ซึ่งในรถมีเด็ก 2 คน เป็นเด็กชาย อายุ 1 ขวบ 3 เดือน และเด็กหญิง อายุ 7 ขวบ อยู่ด้วย ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้โพสต์คลิปเพิ่มเติม มีความยาว 4 นาที เป็นช่วงเวลาที่ขับรถหนีการไล่ล่าของรถยนต์ปริศนา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับตามประกบไม่ห่างและ มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด เหตุเกิดคืนวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริง พบว่า ช่วงสายวันนี้ ที่สำนักงานษิทรา ลอว์เฟริม เขตสาทร กรุงเทพฯ น.ส.วาเศรษฐี ส่งเสียง อายุ 31 ปี และนายธนยศ ทองมี อายุ 33 ปี สองสามีภรรยา ผู้เสียหายกรณีดังกล่าว เดินทางมาปรึกษานายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/06/IMG_20220610_115138.jpg)
น.ส.วาเศรษฐี เล่าว่า วันเกิดเหตุตน สามี ลูกสาววัย 7 ปี ลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือน และหลาน อายุ 19 ปี นั่งอยู่ในรถตู้ด้วยกันทั้งหมด ขณะเดินทางกลับจากขายมันสำปะหลังที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อกลับบ้านที่ อ.ปราณบุรี ระหว่างทางมาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณ อ.สามร้อยยอด พบชาย 4 คน ขับรถยนต์สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดรถข้างทางแล้วนำไฟฉายมาส่องรถพวกตนเรียกให้จอด แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่เปลี่ยวและมืด เกรงว่าจะได้รับอันตราย สามีจึงไม่ได้จอด จากนั้นกลุ่มชายดังกล่าว ขับรถไล่ตามมาปาดหน้า และใช้อาวุธปืนยิงใส่รถประมาณ 6 นัด ด้วยความตกใจสามีจึงพยายามขับรถหนีสุดชีวิต ก่อนไปจอดขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ป้อมตำรวจสายตรวจลุ่มโพธิ์ ใน อ.ปราณบุรี แต่ไม่มีตำรวจอยู่
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/06/IMG_20220610_115102.jpg)
น.ส.วาเศรษฐี เล่าต่อว่า เมื่อกลุ่มชายดังกล่าวขับรถตามมาจนถึงป้อม มีชาย 2 คน หยิบอาวุธปืนลงมาข่มขู่อ้างว่าเป็นตำรวจ และถามว่าหนีทำไม ด้วยความกลัวจึงบอกให้กลุ่มชายดังกล่าวไปพบกันที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.นาห้วย แต่ไม่ยอมขับตามไป จึงฉวยโอกาสขับรถหนี จนไปเฉี่ยวชนรถของกลุ่มชายดังกล่าว ก่อนไปที่ปั๊มน้ำมัน จากนั้นจึงแจ้งตำรวจ สภ.ปราณบุรี ให้มาตรวจสอบ เพราะเกรงว่ากลุ่มชายดังกล่าวอาจเป็นมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจ เพื่อก่อเหตุกับผู้ที่ขับรถสัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว จากนั้นพวกตนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ปราณบุรี และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตำรวจพบชิ้นส่วนรถของกลุ่มชายดังกล่าวตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ต่อมาหนึ่งในผู้ก่อเหตุได้ติดต่อผ่านผู้ใหญ่ที่ตนนับถือมา ขอโทษ จึงทราบว่า 1 ในผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง ยศ จ.ส.ต. สังกัด สภ.สามร้อยยอด โดยอ้างว่าวันเกิดเหตุได้ร่วมกับอาสาฯ ขอตรวจค้น เพราะคิดว่า ขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/06/IMG_20220610_115144.jpg)
น.ส.วาเศรษฐี เล่าว่า หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ตนกับสามี ได้ไปให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอีกครั้ง โดยทางตำรวจแจ้งว่า คาดว่าใช้เวลา 30 วัน ก่อนจะสรุปสำนวนส่ง สำนักงาน ป.ป.ช.อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดความตกใจ หวาดกลัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบุตรสาว อายุ 7 ขวบ ที่ยังหวาดผวาเวลาได้ยินเสียงแตรรถ อีกทั้งพอมีบางคนทราบว่าคู่กรณีเป็นใครก็มาพูดเหมือนข่มขู่ว่าอย่าดำเนินคดีเลยเดี๋ยวจะอยู่ไม่ได้ ยิ่งทำให้ตนและครอบครัวเกิดความหวาดกลัว ส่งผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังยืนยันจะเอาผิดให้ถึงที่สุด
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/06/IMG_20220610_114935-1024x580.jpg)
นายษิทรา ระบุว่า จากการสอบถามข้อเท็จจริงพบว่า ทางผู้เสียหายไม่ได้มีพฤติการณ์อันน่าสงสัยที่จะต้องขอตรวจค้น หรือแม้ว่าตำรวจจะขอตรวจค้นก็ไม่ควรใช้วิธีการเช่นนี้ทำให้เกิดความตกใจกลัว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนและใช้อำนาจโดยมิชอบ และหน่วงเหนี่ยวกักขัง จากนี้จะพาผู้เสียหายไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งรัดคดีที่ไม่มีความคืบหน้าต่อไป