สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงตูนิส ประเทศตูนิเซีย เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ว่าประธานาธิบดีคาอิส ไซเอด แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในตูนิเซีย "เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ" ไซเอดย้ำว่า เขาสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมาย และเป็นอาจารย์สอนด้านนี้โดยตรงมาก่อน จึงต้องมีความเข้าใจทุกตัวอักษร และทุกถ้อยคำที่ระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญเป็นอย่างดี ไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปครองของตูนิเซีย ให้เป็นเผด็จการอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายทั้งในและนอกตูนิเซียมีความวิกกังวลเพิ่มขึ้น ต่อบรรยากาศของเสรีภาพ ซึ่งอยู่บนเส้นทางของการปฏิรูป จากการเป็นประเทศแรกที่เกิดปรากฏการณ์ "อาหรับ สปริง" เมื่อปี 2554 เมื่อมีการควบคุมตัวนักการเมืองอย่างน้อย 2 คน และอัยการสูงสุดประกาศการสอบสวนพรรคเอ็นนาห์ดา ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของตูนิเซีย ฐานรับเงินจากต่างชาติ เพื่อใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 2 ปีที่แล้ว 
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังกล่าวหาพรรคเอ็นนาห์ดา ว่าอยู่เบื้องหลังการประท้วงต่อต้านไซเอด ซึ่งปลดนายกรัฐมนตรี ระงับการประชุมสภาอย่างน้อย 30 วัน และยกเลิกสิทธิ์คุ้มกันของสมาชิกสภา เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่การเคลื่อนไหวบนท้องถนนแทบไม่เกิดขึ้นอีก หลังยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยแสดงออกชัดเจน ว่าเห็นด้วยกับไซเอด เนื่องจาก "เหนื่อยหน่าย" กับการแก่งแย่งของนักการเมือง และกองทัพตูนิเซียแสดงออกค่อนข้างชัดเจน ว่า "สนับสนุน" ประธานาธิบดี
ในอีกด้านหนึ่ง นายเจค ซัลลิเวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงของทำเนียบขาว เรียกร้องไซเอดแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แล้วจัดการ "ถ่ายโอนอำนาจตามกระบวนการประชาธิปไตย"  ส่วนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงตูนิสประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลวอชิงตันได้มอบวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 1 ล้านโดส ให้แก่ตูนิเซีย ผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ).

เครดิตภาพ : REUTERS