เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.นวลจันทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ชาว อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่า ได้ถูกแก๊งทวงหนี้ จำนวน 3 คน บุกเข้ามาภายในบ้าน พร้อมกับเรียกแฟนของตนให้ออกมาจากบ้านซึ่งในขณะนั้นแฟนตนไม่อยู่ ไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งตนได้บอกกับแก๊งทวงหนี้ไปว่า แฟนออกไปทำงาน พวกแก๊งทวงหนี้ไม่เชื่อ ขับรถเร่งเครื่องใส่หน้าบ้านและให้ลูกน้องที่ติดตามมาด้วยนำเอาถ่านที่ตนตั้งวางขายไว้หน้าบ้านไปหมด ไม่เหลือแม้แต่ถุงเดียว

น.ส.นวลจันทร์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากแก๊งทวงหนี้ขับรถออกไป ยังโทรฯ มาบอกอีกว่า จะกลับมาเอาคืน เดี๋ยวไปเอาปืนมาก่อน ทำให้ตนตกใจกลัวมาก ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร เพราะตนอยู่เฝ้าร้านคนเดียว ส่วนกรณีที่แก๊งทวงหนี้เข้ามาทวงเงินแฟนของตนนั้น เนื่องจากได้ไปกู้เงินมา แต่ไม่รู้ว่าจำนวนเท่าไหร่ ทราบแค่ว่าได้ส่งไปเกือบหมดแล้ว คงเหลือไม่กี่บาท ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ตนกลัวมากเพราะแฟนก็ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าแก๊งทวงหนี้จะกลับมาทำร้ายเมื่อไหร่ ซึ่งมีพี่น้องคนข้างบ้านแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ. แต่ก็ยังหวาดผวากับแก๊งทวงหนี้ยังไม่หาย ก็เลยยังไม่กล้าไปแจ้งความ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนอกเครื่องแบบจากภูธรภาค 3 เข้ามาภายในหมู่บ้านเพื่อเข้าตรวจสอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและติดตามหาแก๊งทวงหนี้ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยพบว่าเครือข่ายแก๊งทวงหนี้เปลี่ยนเวลาเก็บเงินลูกค้า โดยใช้ระบบส่งโอนเข้าบัญชี ถ้าหากว่าลูกค้ารายไหนไม่จ่าย ก็จะออกไปเก็บตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือนัดส่งจ่ายภายในร้านอาหารชื่อดัง ในเขตเทศบาลอำเภอศีขรภูมิ.