จากกรณีที่ บริษัท ไทยลีก จำกัด ตัดสินใจแก้ปัญหาที่ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ปรับไปเตะข้ามปี ทำให้ ฤดูกาล ACL 2023-24 ก็จะจบบอลอาชีพไทยไปแล้ว 2 ฤดูกาล ซึ่ง บจก.ไทยลีก ได้เกลี่ยโควตา 1+1 (แชมป์ไทยลีก ไปรอบแบ่งกลุ่ม + แชมป์เอฟเอ คัพ ไปรอบเพลย์ออฟ) ให้กับทั้งฤดูกาล 2021-22 กับ 2022-23 เท่ากัน ทำให้เกิดกระแสดราม่า เพราะเท่ากับว่ามาริบสิทธิของทีมอันดับ 2-4 ไทยลีก ฤดูกาลที่เพิ่งจบไปดื้อๆ
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2 ทีมที่โดนหางเลขเต็มเปา คือ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับ 3 และ เมืองทอง ยูไนเต็ด อันดับ 4 ที่โดนริบสิทธิ (หากระบบเดิม เมืองทอง จะได้ไปรอบเพลย์ออฟ เพราะ บุรีรัมย์ ได้แชมป์ไทยลีก กับ เอฟเอ คัพ) ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการเปลี่ยนแปลงโควตา แก่ บจก.ไทยลีก มี นายวรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการ บจก.ไทยลีก รับเรื่อง
นายสุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีมทรู แบงค็อก กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมา ทุกทีมลงแข่งขันภายใต้กติกาเดียวกัน รู้กฎก่อนเริ่มแข่ง มาเปลี่ยนหลังการแข่งขันไม่ยุติธรรม ผลกระทบที่เกิดขึ้นประเมินค่าไม่ได้ ทั้งการเสริมทีม, ทุ่มค่าเหนื่อยนักเตะ หรืออัดฉีด ไหนจะเรื่องของเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ การได้เล่นถ้วยเอเชียทำให้สามารถได้รับเงินเพิ่มได้ จึงอยากให้ทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง เรื่องนี้ บียู เข้าประชุมตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. ก่อน 2 นัดสุดท้าย ยืนยันว่าต้องยึดตามโควตาเดิม แต่ในที่ประชุมก็ยังไม่ได้มีข้อสรุปใดๆ ส่วนทางเลือกที่จะเสนอคือให้ยึดกฎเดิม ส่วนฤดูกาลใหม่ถ้าจะมองว่าขาดความเข้มข้น ก็ให้สร้างมูลค่าทางการตลาดอย่างอื่นเพิ่มเติมแทน
ด้าน นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการเมืองทอง กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับทีมที่เพิ่งแข่งขันกันจบลงไป การประชุมครั้งแรกก็มองแล้วว่าจะเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น แจ้งที่ประชุมแล้วว่าไม่ควรออกมาในรูปแบบนี้ อยากให้หารือกับเอเอฟซีอีกครั้ง ความเห็นของทางสโมสรคือควรจะคงสิทธิเดิมเอาไว้ เชื่อว่าถ้ายืนยันกับทางเอเอฟซีน่าจะพร้อมรับฟังข้อเสนออยู่แล้ว เข้าใจการทำงานของไทยลีกที่กังวลว่าถ้าไม่มีโควตาแล้วฟุตบอลจะไม่สนุก แต่การถูกตัดสิทธิก็มีผลกับสโมสรเช่นกัน