เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 กล่าวถึงมาตรการล็อกดาวน์ ผ่านระบบ webex ว่า หลังจากประกาศล็อกดาวน์รอบนี้คนอยู่บ้านเพิ่มขึ้นแค่นิดเดียว ถ้าเทียบกับเมื่อปีก่อนคนอยู่บ้านมากขึ้น 20% แต่ปัจจุบันคนอยู่บ้านเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% ยังไม่ถึงกับดูดีมากนัก แม้ว่าคนอาจจะออกไปทำงานน้อยลง แต่ยังมีการออกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นนอกบ้าน เช่น ซื้อของในซูเปอร์มาร์เกตต่างๆ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ในภาพรวมล็อกดาวน์ขณะนี้คือ มีหลายสถานที่มีคนออกมาน้อยลง แต่บางสถานที่คนออกมามากขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องรอดูว่าสถานการณ์ของโรคจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่สังเกตคนกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อ แต่เป็นความกังวลแบบถ้าไม่ใกล้ตัวจริงๆ ก็ไม่กลัว หรือไม่กลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจริงๆ อาจจะไม่กังวลมากนัก ยังใช้ชีวิตปกติ แต่เมื่อเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องกักตัวที่บ้าน จะเริ่มกังวลมากขึ้น โดยสิ่งที่กังวลส่วนใหญ่คือถ้าติดเชื้อจริง จะต้องอยู่ รพ.สนาม หรือรักษาตัวเองที่บ้าน หรือจะมี รพ.รองรับหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทุกคนรู้สถานการณ์ดีว่าการดูแลรักษาผู้ป่วยนั้น รพ.ค่อนข้างตึง เตียง รพ.ยังพอสามารถหาได้ แต่หาไม่ได้ง่ายหนัก อาจต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะฉะนั้น ขณะนี้ภาครัฐพยายามอย่างมากในการที่จะจำกัดการออกนอกบ้านให้น้อยลง ด้วยการสร้างเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด แต่สุดท้ายจะปลอดภัยหรือไม่ขึ้นกับตัวเอง ต้องพยายามออกจากบ้านน้อยที่สุด ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ออกจากบ้านทุกครั้งต้องระวังตัวเองสูงสุด ต้องไม่พูดคุยกับใครที่ไม่ใส่หน้ากาก และไม่รับประทานอาหารร่วมกัน ถ้าปฏิบัติตัวถูกต้องเหมาะสมก็จะปลอดภัย

“สถานการณ์ขณะนี้เป็นช่วงหนักที่สุดเท่าที่เผชิญมาก สถานการณ์ตอนนี้กระจายทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน หันหน้าเข้าหากันเพื่อหาทางออกประเทศ รวมถึงการให้วัคซีนได้เร็วพอควร และกว้างขวาง จะมีผู้ป่วยนอน รพ.น้อยลง ต้องการไอซียูน้อยลง คนเสียชีวิตน้อยลง อีกไม่กี่เดือนก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ สถานการณ์ก็จะดีขึ้น ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือมาก ก็จะดีขึ้นเร็ว” นพ.ธนรักษ์กล่าว.