ชีวิตอาภัพของ “น้องฝน” น.ส.ฐิติกานต์ เยียดพล อายุ 27 ปี สาวเมืองคอนพิการตาบอดข้างขวา มีความบกพร่องทางสมอง ไร้ญาติขาดมิตรเพราะพ่อแม่เสียชีวิตไปหมดแล้ว จนมาวันหนึ่งได้พบรักกับ นายสมเกียรติ จันทรรัตนะ หนุ่มสงขลา อาชีพเก็บของเก่าขาย ทั้งสองตกลงปลงใจอยู่กินเป็นสามีภรรยากันโดยมี “น้องบุญรอด” ลูกสาว 3 ขวบ เป็นพยานรัก

ครอบครัวแร้นแค้นอาศัยอยู่เพิงพักผุพังริมถนนซอยอินนิน ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สภาพเป็นโครงไม้เก่า ผนังกั้นฝาเป็นแผ่นไวนิลและถุงพลาสติกแปะปิดไว้เพียงเพื่อกันแดดกันฝน ไร้เครื่องอำนวยความสะดวก เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่มีห้องน้ำ และไม่มีแม้กระทั่งน้ำประปาใช้

วันๆ หนึ่ง สมเกียรติ จะออกไปหาเก็บของเก่าแต่เช้า จะกลับมาก็มืดค่ำ ขณะที่น้องฝนกับน้องบุญรอด สองแม่ลูกจะอยู่ในเพิงพักกันตามลำพัง ผู้เป็นแม่จะคอยดูแลหาข้าวหาปลามาป้อนให้ลูก ส่วนแม่อดมื้อกินมื้อก็ไม่เป็นไร ขอแค่ลูกได้อิ่ม

หากวันไหนโชคดี!! สมเกียรติกลับมามีของเก่าที่ยังพอขายได้ เช่น เคสโทรศัพท์รุ่นเก่า หรือรองเท้าตกรุ่นที่ทางร้านโละทิ้ง น้องฝนก็จะกระเตงลูกเอาของไปวางขายในชุมชน เพื่อต้องการจะช่วยสามีหารายได้อีกทางหนึ่ง แต่ชาวบ้านบางคนกลับมองว่าน้องฝนพาลูกไปขอทาน แจ้งเจ้าหน้าที่มาจับซ้ำอีก!! จนน้องฝนต้องอธิบายกันยกใหญ่ และสัญญาจะไม่พาลูกไปขายของอีก

ต่อมา นางอัมพาพันธ์ นิลประภา หรือ “เจ๊จ๋า” เศรษฐินีใจบุญ เจ้าของกิจการห้างผ้าโชคดี ถนนชมพูพล ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ประธานบริหารโรงแรมปุระนคร และบริษัทในเครือหลายแห่ง พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทราบเรื่อง ได้เดินทางเยี่ยมน้องฝนกับลูกที่เพิงพักพร้อมนำข้าวสารอาหารแห้งไปมอบให้

“เจ๊จ๋า” สุดสงสารเมื่อเห็นสองแม่ลูกเนื้อตัวมอมแมม ปล่อยผมเผ้ารุงรัง ความเป็นอยู่ไม่ถูกสุขลักษณะ และเด็กเสี่ยงอันตรายเพราะอยู่ริมถนน อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้

“น้องฝน” เล่าว่า หนูเกิดมาพิการร่างกาย แขนขาเล็กลีบ ตาบอดข้างขวามาแต่กำเนิด เดิมทีเรา 3 คนพ่อแม่ลูก อาศัยอยู่กระท่อมในพื้นที่คูเมืองฝั่งตรงข้ามเพิงพักที่อยู่ปัจจุบัน ต่อมากระท่อมหลังคาพังบ้านทรุดตัวจนไม่สามารถอยู่ได้ จึงต้องพากันย้ายออกมาทำเพิงพักอยู่ข้างถนน หวังว่าวันหนึ่ง เก็บเงินได้ก็จะปรับปรุงซ่อมแซมกระท่อมหลังเดิมแล้วย้ายกลับไปอยู่ แต่ความหวังก็ดูเลือนลางเพราะไม่รู้จะหาเงินจากไหน

“ตอนเด็ก หนูเรียนถึงชั้น ม.3 แต่โชคร้ายก่อนสอบปลายภาค หนูล้มป่วยไม่ได้ไปสอบจึงทำให้เรียนไม่จบ ม.3 ส่วนความฝันสูงสุดในชีวิต เคยคิดอยากเป็นนักร้อง เพราะเคยเป็นนักร้องประจำโรงเรียน เคยเข้าร่วมประกวดร้องเพลงคว้ารางวัลชนะเลิศมาทุกครั้ง แต่ฟ้าให้หนูมาแค่น้ำเสียง แต่ไม่ให้รูปร่างหน้าตามาด้วย จนทำให้ต้องอยู่อย่างทุกวันนี้”

เจ๊จ๋ากับนายไพฑูรย์ ฟังเรื่องราวชีวิตน้องฝนแล้วรู้สึกสะเทือนใจ จึงรับปากที่จะช่วยเหลือสร้างบ้านให้ใหม่ และเจ๊จ๋าจะส่งเสียน้องบุญรอดให้ได้รับการศึกษาจนจบปริญญาตรี พร้อมลงทุนให้น้องฝนไปขายของและร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ที่หน้าห้างผ้าโชคดี จะได้มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ล่าสุด 19 ก.พ.65 ได้มีการส่งมอบบ้านสวยเกินฝันให้กับ “น้องฝน” และครอบครัว โดยใช้งบประมาณ 7 หมื่นบาท จากธารน้ำใจของเจ๊จ๋า นายไพฑูรย์ และผู้ใจบุญที่ร่วมบริจาค และมีคณะของ “ลุงเเซม” นักธุรกิจชาวเยอรมัน ที่ปรึกษาสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ร่วมเดินทางมามอบถุงยังชีพให้กับครอบครัวน้องฝน และมอบเงินสมทบทุนการก่อสร้างเพิ่มเติมให้อีกจำนวนหนึ่งด้วย

“น้องฝน” ถึงกับน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความดีใจ ไม่คิดฝันว่าชีวิตจะมีวันนี้ ขอบคุณผู้ใจบุญทุกท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือ จากนี้ “น้องฝน” กับสามีและลูกน้อย ได้มีชีวิตใหม่ อยู่ในบ้านหลังใหม่ เริ่มต้นกับอาชีพใหม่ พร้อมพลังแรงใจที่เต็มเปี่ยมเพื่อเดินหน้าสู้ชีวิตต่อไป..

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ไพฑูรย์ อินทศิลา จ.นครศรีธรรมราช
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..