ปี 2564 กำลังจะผ่านพ้น ขณะที่เกาหลีเหนือยังคงใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เกาหลีใต้เตรียมปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงในปี 2565 เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีให้คืบหน้าอีกครั้ง หลังความพยายามในหลายเรื่องมีอันต้องหยุดชะงัก และต้องเว้นระยะไปในปีนี้ เนื่องจากบรรยากาศของความไม่ไว้วางใจ สถานการณ์ตึงเครียดในทางภูมิศาสตร์การเมือง และความไม่แน่นอนในหลายมิติ

การที่เกาหลีเหนือประกาศจุดยืน “ยืนบนลำแข้งของตัวเอง” ให้มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อนโยบายสันติภาพและความมั่นคงข้ามพรมแดนของรัฐบาลโซลชุดปัจจุบันพอสมควร แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับรัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เริ่มด้วยดีตั้งแต่ต้นปี หรือหลังไบเดนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ เมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลไบเดนยืนยัน “ความมุ่งมั่นและความสนับสนุนอย่างเต็มที่” ต่อกระบวนการสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทวีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง สร้างแรงกระเพื่อมต่อสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีด้วย เนื่องจากทั้งสองประเทศล้วนมีบทบาทโดยตรงต่อเรื่องนี้

Arirang News

นอกจากนี้ การที่สหรัฐประกาศตัวเป็นหัวเรือใหญ่ ในการใช้มาตรการ “คว่ำบาตรทางการทูต” ต่อมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน กำลังจะเป็นเจ้าภาพในเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้ ยิ่งยกระดับความเสี่ยงให้กับการเพิ่มอุณหภูมิความเครียดทางการเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ก่อนหน้านั้น รัฐบาลวอชิงตันออกมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือเพิ่มอีกหลายชุด “ด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชน” ยิ่งทำให้บรรยากาศในภูมิภาคมีแต่ความขุ่นมัว และเกาหลีเหนือยิ่งถอยห่างออกจากโต๊ะหารือ

Arirang News

ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้คนปัจจุบัน จะหมดวาระในอีกประมาณ 5 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม มุนยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะบรรลุหนึ่งในเจตนารมณ์ซึ่งผลักดันมานาน นั่นคือการ “ประกาศยุติอย่างเป็นทางการ” สงครามเกาหลีระหว่างปี 2593-2496 เนื่องจากทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ “สงบศึก” กันด้วย “ข้อตกลงหยุดยิง” ในทางทฤษฎีจึงถือว่าทั้งสองประเทศยังคงมีสถานะประเทศคู่สงครามระหว่างกัน

แม้ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวว่า สหรัฐ จีน และเกาหลีเหนือ “เห็นพ้องเชิงหลักการ” เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังปฏิเสธลงลึกในรายละเอียด

ทั้งนี้ เกาหลีใต้ประกาศชัดเจนแล้วว่า ไม่มีนโยบายร่วมวงบอยคอตการทูต กับโอลิมปิกฤดูหนาวที่จีน ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของหลายฝ่าย ว่ารัฐบาลโซลต้องการใช้มหกรรมกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างประเทศครั้งนี้ เป็นทั้งเวทีและสะพานเพื่้อสานต่อเส้นทางสู่สันติภาพ หลังประสบความสำเร็จมาแล้ว “อย่างน่าพึงพอใจในระดับหนึ่ง” เมื่อเกาหลีเหนือเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพที่เมืองพย็องซัง เมื่อปี 2561 และการที่เกาหลีเหนือยอมกลับมาเชื่อมต่อโทรศัพท์สายด่วนด้านความมั่นคงกับเกาหลีใต้ เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา หลังตัดสายไปนานกว่า 1 ปี เพิ่มความหวังให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สหรัฐและเกาหลีเหนือยังคงมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกัน และคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนจะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป เกาหลีใต้ยังคงต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายสู่ความเป็นหนึ่งเดียวบนคาบสมุทรเกาหลี.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP